สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจวานนี้ (31 ม.ค.) ระบุ ราคาน้ำมัน จะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ (2565) เนื่องจาก ปัจจัยเสี่ยงด้านการเมือง จะส่งผลกระทบต่อ ปริมาณน้ำมัน และ ความต้องการใช้น้ำมัน ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ได้บรรเทาลง
ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ 46 รายคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 79.16 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ที่ระดับสูงสุดสำหรับปี 2565 และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับที่เคยคาดการณ์ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาที่ 73.57 ดอลลาร์
ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 76.23 ดอลลาร์ในปีนี้ เทียบกับระดับ 71.38 ดอลลาร์ที่คาดไว้ในเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit - EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจระบุว่า "เมื่อพิจารณาจากภาวะตลาดที่ตึงตัว ราคาน้ำมันสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากการเพิ่มปริมาณน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่ผู้ผลิตในสหรัฐไม่สามารถเพิ่มการผลิต หรือหากวิกฤตยูเครน-รัสเซียเลวร้ายลงไปอีก"
ส่วนอุปสงค์น้ำมันนั้นคาดว่าจะขยายตัวราว 3-5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2565 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันจะกระทบต่ออุปสงค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2557 ในสัปดาห์ที่แล้วจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานที่อาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกและรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นยูเครน โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่
นอกจากนี้ ภัยคุกคามต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) จากกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันด้วย
นายมาร์แชล สตีฟส์ นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ราคาน้ำมันอาจปรับตัวขึ้นต่อไป หากรัสเซียบุกยูเครน และการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกอาจจะกระทบการส่งออกพลังงาน
ด้านวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์เมื่อเร็ว ๆนี้ว่า ราคาน้ำมันอาจปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ โดยระบุถึงผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่ต่ำกว่าคาด และภาวะชะงักงันด้านอุปทาน