สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานสถานการณ์ล่าสุดของ วิกฤตยูเครน และความขัดแย้งบริเวณ ชายแดนยูเครน-รัสเซีย ซึ่งหลายชาติได้ออกมาระบุว่า รัสเซีย ยังคงระดมกำลังใกล้ ยูเครน เพิ่มเติม แม้ว่าก่อนหน้านี้จะกล่าวอ้างว่าได้มี การถอนทหาร หลังซ้อมรบเสร็จแล้วก็ตาม
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) ยืนยันว่า มีหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารัสเซียไม่ได้ถอนทหารกลับ และยังมีกำลังพลเดินทางเข้ามาเสริมอีกด้วย เช่นเดียวกับข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเอสโตเนีย ที่ออกมายืนยันในลักษณะคล้าย ๆ กัน
เลขาฯ นาโตยังได้กล่าวเสริมว่า รัสเซียได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะทดสอบหลักการขั้นพื้นฐานทางความมั่นคง โดยใช้กำลังทหารเข้ามาขู่และคุกคามประเทศอื่นให้ยอมรับข้อเรียกร้องของตนเอง
ขณะที่ นายมิกก์ มาร์ราน ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองข้ามชาติของเอสโตเนีย ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครน ได้ออกมายืนยันว่า มีหน่วยรบ 10 กลุ่มกำลังเคลื่อนพลมาทางชายแดนยูเครน โดยคาดว่ารัสเซียทำการระดมกำลังทหารถึง 1.7 แสนนายแล้ว
ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสถานี CNBC วานนี้ (16 ก.พ.) ว่า “มันมีทั้งสิ่งที่รัสเซียพูด กับสิ่งที่รัสเซียทำ แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นว่ารัสเซียจะถอนทหารแต่อย่างใด” ไม่เพียงเท่านั้น สหรัฐยังพบว่ามีหน่วยรบเดินทางมาที่ชายแดนยูเครนเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เคลื่อนออกจากชายแดน
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับแถลงการณ์ของนาย จิม ฮอกเคนฮัลล์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ ที่ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางหน่วยได้ตรวจพบการเคลื่อนที่ของรถหุ้มเกราะ เฮลิคอปเตอร์ และโรงพยาบาลสนาม เข้ามายังชายแดนยูเครนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้มีการแสดงหลักฐานใดๆ ยืนยันเพิ่มเติมนอกจากคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นการเคลื่อนพลรัสเซียออกจากพื้นที่ไครเมียเท่านั้น ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำไอร์แลนด์เผยว่า กำลังทหารบางส่วนทางแนวชายแดนของรัสเซียจะกลับคืนสู่ตำแหน่งปกติภายใน 3-4 สัปดาห์
หวุดหวิดปะทะเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ขณะที่สถานการณ์แนวชายแดนยังไม่คลี่คลาย กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอน รายงานวานนี้ (16 ก.พ.) ว่า เครื่องบินลาดตระเวน P-8A จำนวน 3 ลำของกองทัพเรือสหรัฐได้ถูกเครื่องบินรัสเซียสกัดกั้นในลักษณะที่ "ไม่เป็นมืออาชีพ" โดยเข้ามาใกล้เครื่องบินของสหรัฐในลักษณะที่เป็นอันตราย ขณะทั้งสองฝ่ายบินอยู่ในเขตน่านฟ้าสากลเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นาวาเอก ไมค์ คาฟคา จากกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า แม้ว่าจะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็อาจมีความผิดพลาดที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น สหรัฐได้แจ้งข้อกังวลต่อเจ้าหน้าที่รัสเซียผ่านช่องทางการทูตแล้ว
นาวาเอก คาฟคา ย้ำว่า สหรัฐจะยังคงปฏิบัติการที่มีความปลอดภัย เป็นมืออาชีพ และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศในน่านน้ำและน่านฟ้าสากล โดยคาดหวังให้รัสเซียปฏิบัติเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวนับว่าเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่รัสเซียมีการวางกำลังทหารและอาวุธจำนวนมากตามแนวชายแดนติดกับยูเครน รวมทั้งยังมีการปิดกั้นทางทะเล ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้นับเป็นความไม่มั่นคงครั้งรุนแรงที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่หลังสงครามเย็นเป็นต้นมา