เฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

17 ก.พ. 2565 | 03:24 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2565 | 10:32 น.

แบงก์ชาติสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณแล้วว่า อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังเพิ่มต่อเนื่อง โดยล่าสุดดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ หรือ CPI ประจำเดือนม.ค. พุ่งแตะที่ระดับ 7.5 % ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ม.ค. วานนี้ (16 ก.พ.) ระบุว่า แม้กรรมการเฟด ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าควรมีการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
  • ตลาดแรงงาน
  • และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

 

แต่การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น จะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเงินเฟ้อและข้อมูลด้านอื่น ๆ ในการประชุมแต่ละครั้ง และเฟดจะกลับมาประเมินไทม์ไลน์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้ง

 

รายงานการประชุมบ่งชี้ว่า เฟดมีความพร้อมที่จะรับมือกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยกรรมการเฟดกล่าวว่า แม้เฟดคาดว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้ แต่เฟดก็พร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

เฟดมีความพร้อมที่จะรับมือกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า หากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลงตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่คณะกรรมการเฟดจะยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ในปัจจุบัน" รายงานประชุมระบุ

 

กรรมการเฟดส่วนหนึ่งกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมากในปัจจุบัน อาจทำให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เฟดทำมาตั้งแต่ปี 2558 อันเป็นช่วงเวลาที่เฟดเริ่มเข้าสู่วงจรการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งของปีนี้

 

ในการประชุมเมื่อวันที่ 25-26 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับแถลงภายหลังการประชุมว่า "เนื่องจากเงินเฟ้อดีดตัวเหนือระดับ 2% และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง FOMC จึงคาดว่าเป็นการเหมาะสมที่จะปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในไม่ช้า"

แม้แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561 เป็นต้นมา

 

ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐหรือ CPI ประจำเดือนม.ค.2565 (เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ก.พ.) แตะที่ระดับ 7.5 % เพิ่มขึ้น 0.6% จากตัวเลขเดือนธ.ค. 2564 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐรายปีจนถึงเดือนม.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่เดือนก.พ.2525

 

แถลงการณ์ของเฟดยังระบุด้วยว่า เฟดจะยังคงปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทำ QE ของเฟดสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. พร้อมกับการเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าวเช่นกัน