ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าววานนี้ (23 มี.ค.) ว่า ประเทศและเขตดินแดนที่อยู่ในรายชื่อ "ประเทศที่ไม่เป็นมิตร" ของรัสเซีย จะต้องชำระค่าซื้อ ก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซียเป็น สกุลรูเบิล เท่านั้น โดยเขาระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับที่รัสเซียจะขายสินค้าให้กับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) แล้วรับการชำระค่าซื้อสินค้าเป็นสกุลดอลลาร์ ยูโร และสกุลเงินอื่นๆ
ประธานาธิบดีปูตินได้แจ้งให้ธนาคารกลางและรัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมกระบวนการชำระเงินเป็นสกุลรูเบิลภายใน 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่ารัสเซียจะยังคงส่งมอบก๊าซธรรมชาติตามปริมาณและราคาที่ระบุในสัญญา โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือสกุลเงินในการชำระค่าก๊าซธรรมชาติเท่านั้น
สำหรับ ประเทศที่มีการระบุในรายชื่อ "ไม่เป็นมิตร" ของรัสเซีย นั้นหมายถึง ประเทศที่ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหลังจากที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศและดินแดนที่ปรากฎในรายชื่อที่ไม่เป็นมิตรของรัสเซีย มีมากกว่า 40 ประเทศ ได้แก่
สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหภาพยุโรป(อียู) 27 ประเทศ, สหราชอาณาจักร (รวมทั้งดินแดนในอาณัติ ได้แก่ เจอร์ซีย์, แองกวิลลา, หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน และยิบรอลตา), ยูเครน, มอนเตเนโกร, สวิตเซอร์แลนด์, อัลเบเนีย, อันดอร์รา, ไอซ์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, โมนาโก, นอร์เวย์, ซาน มาริโน, นอร์ท มาซิโดเนีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ไมโครนีเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ และไต้หวัน
ในวันเดียวกันนั้น นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ยังออกมาเตือนด้วยว่า ตลาดพลังงานโลกอาจล่มสลาย หากประเทศต่างๆออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ทั้งนี้เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสัดส่วนในตลาดโลกราว 40% นายโนวัคย้ำว่า ตลาดน้ำมันและก๊าซของโลกจะล่มสลาย หากรัสเซียไม่สามารถส่งออกเนื่องจากถูกคว่ำบาตร
ทั้งนี้ สหภาพยุโรป (อียู) กำลังพิจารณาขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียให้รวมถึงการห้ามนำเข้าไฮโดรคาร์บอน แต่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอียูยังคงไม่สามารถได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว
นอกจากข่าวที่เป็นปัจจัยกดดันจากรัสเซียแล้ว เมื่อวานนี้ ตลาดพลังงานเชื้อเพลิงยังได้รับข่าวร้ายจาก คาซัคสถานที่ออกมาประกาศว่าจะระงับการส่งออกน้ำมัน เหตุโรงงานเสียหายจากพายุ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (Caspian Pipeline Consortium หรือ CPC) สัญชาติคาซัคสถาน ไม่สามารถส่งออกน้ำมันจากโรงงานที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย เนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ
ที่ผ่านมา CPC ส่งออกน้ำมันราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก แต่การส่งออกน้ำมันของ CPC ได้ยุติลงโดยสิ้นเชิงเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) หลังจากโรงงานขนถ่ายน้ำมัน 2 แห่งที่ทะเลดำได้รับความเสียหายจากพายุ การซ่อมแซมจะต้องใช้เวลาราว 1 เดือนครึ่ง
ส่วนโรงงานแห่งที่ 3 ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
ทั้งนี้ ข่าวระบุว่าน้ำมันส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากท่อส่งน้ำมันของ CPC เป็นของรัสเซีย คาซัคสถาน รวมทั้งน้ำมันของบริษัทอื่นๆ เช่น เชฟรอน
ข่าวร้ายดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสฯ (WTI) พุ่งทะลุ 115 ดอลลาร์ น้ำมันดิบเบรนท์ทะลุ 121 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ (23 มี.ค.)