สำนักข่าวต่างประเทศอ้างอิงรายงานของ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ โอเอชซีเอชอาร์ ( Office of the High Commissioner for Human Rights :OHCHR) ระบุว่า นับตั้งแต่กองทัพรัสเซีย เริ่มปฏิบัติการทางทหารใน ยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตจากความรุนแรงครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 1,035 ราย โดยจากจำนวนดังกล่าว 99 รายเป็นเด็ก นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสะสมอย่างน้อย 1,650 คน
อย่างไรก็ตาม โอเอชซีเอชอาร์ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในความเป็นจริงมีแนวโน้มสูงกว่าที่มีรายงานยืนยันหลายเท่า เนื่องจากสถานการณ์สู้รบรุนแรงในเมืองที่ถูกปิดล้อม ทำให้การเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เป็นไปได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะที่เมืองมาริอูโปล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญ ริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่ถูกระดมโจมตีอย่างหนักจนแทบจะกลายเป็นเมืองร้างในขณะนี้
ทางด้านกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ( ยูนิเซฟ ) ออกแถลงการณ์แยกอีกฉบับ เปิดเผยว่า ประชากรเด็กในยูเครนจำนวน 4.3 ล้านคน ซึ่งมากกว่าครึ่งตามสถิติอย่างเป็นทางการคือประมาณ 7.5 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ในจำนวนนี้ราว 1.8 ล้านคนต้องลี้ภัยสงครามพร้อมครอบครัวไปยังต่างประเทศ
อ่านเพิ่มเติม : ตามติดวิกฤตยูเครน: ยุโรปหลังแอ่น รับผู้อพยพหนีภัยสงคราม 3.5 ล้านคน
ขณะเดียวกัน นานาประเทศได้พยายามให้ความช่วยเหลือเปิดประเทศต้อนรับผู้ลี้ภัยจากยูเครน ล่าสุด ทำเนียบขาวประกาศวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า สหรัฐอเมริกา มีแผนเปิดรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนจำนวน 100,000 คนเข้าประเทศ โดยแถลงการณ์ในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบขาวระบุว่า แผนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐจะมอบให้เพื่อช่วยเหลือทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน
แม้ว่าชาวยูเครนส่วนใหญ่ต้องการลี้ภัยไปในประเทศยุโรป แต่ถ้าหากมีชาวยูเครนที่ต้องการเดินทางเพื่อลี้ภัยมายังสหรัฐ ก็จะสามารถทำได้ผ่านโครงการรับผู้ลี้ภัยและช่องทางอื่น ๆ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทำเนียบขาวยังระบุว่า จะเพิ่มและขยายโครงการรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่มีสมาชิกครอบครัวอยู่ในอเมริกามากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังจะร่วมมือกับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ สำหรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน รวมถึงการจัดหาความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำสะอาด ที่พักพิง และยารักษาโรค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 สหรัฐได้จัดหาความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนและประเทศสมาชิกอียู ที่เปิดประตูต้อนรับผู้ลี้ภัยจากยูเครนไปแล้วมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่มุ่งไปที่โปแลนด์ โรมาเนีย ฮังการี และสาธารณรัฐสโลวัก