ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศวานนี้ (21 เม.ย.) ให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐ จะเพิ่มเงินช่วยเหลือ ยูเครน อีก 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 44,000 ล้านบาท สำหรับการจัดหาอาวุธใหม่และความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ยูเครนสามารถรับมือกับการรุกรานของ รัสเซีย ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผู้นำสหรัฐย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนครั้งล่าสุดนี้จะถูกส่งตรงไปยังแนวหน้าโดยมีเป้าหมายเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพ “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เป็นผู้ที่ต้องจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยนี้ให้กับเรา” ประธานาธิบดีไบเดนกล่าว และว่า “รัสเซียกำลังเดิมพันว่าความสามัคคีของชาติตะวันตกกำลังจะล่มสลาย เราจะพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเขาคิดผิด”
สำหรับ งบประมาณช่วยเหลือก้อนใหม่ นี้ ครอบคลุมถึง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าถึงแม้ปธน.ไบเดนจะเน้นย้ำถึง “ความจำเป็น” ที่สหรัฐและชาติพันธมิตรจะต้องสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ต่อไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าท่าทีของสหรัฐสะท้อนความต้องการของชาวอเมริกันที่ดูจะเพิ่มความระมัดระวังเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้มากยิ่งขึ้น
โดยผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสำนักข่าวเอพีร่วมกับศูนย์วิจัย NORC แสดงให้เห็นว่า ความต้องการของชาวอเมริกันที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนี้ลดลงมามากแล้ว มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 32% ที่เห็นว่าสหรัฐควรมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งดังกล่าว ลดลงจากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ 40% ในการสำรวจเมื่อเดือนมี.ค. แม้จะยังสูงกว่าในเดือนก.พ.ที่ระดับ 26%
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกัน 49% ที่ตอบคำถามการสำรวจ เห็นว่าสหรัฐควรมีบทบาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในสงครามครั้งนี้
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ออกมาแสดงความขอบคุณต่อการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งล่าสุดของสหรัฐ “ขณะนี้อาคารหลายหมื่นแห่งได้รับความเสียหาย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่กลายเป็นซากปรักหักพัง ทำให้ยูเครนจำเป็นต้องใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่”
เขายังระบุว่า ยูเครนต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อชดเชยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และเพื่อใช้ในการจัดหาอาวุธและการทำสงครามที่ยืดเยื้อครั้งนี้