คาดเศรษฐกิจรัสเซียหดตัว 10% ปีนี้ หลังถูกคว่ำบาตรหนัก

โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจรัสเซีย จะหดตัวรุนแรงถึง 10% ในปี 2565 นี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัว 7% ทั้งนี้ เหตุผลที่ปรับตัวเลขคาดการณ์เนื่องจากผลกระทบของการที่รัสเซียถูก นานาประเทศคว่ำบาตร ทางเศรษฐกิจและการเงินเพิ่มเติม กรณีรัสเซีย ใช้กำลังทหารบุกโจมตี ยูเครน

 

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การที่สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งรวมถึงการตัดธนาคารของรัสเซียบางแห่งออกจากระบบ SWIFT และการอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียในสหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อเศรษฐกิจของรัสเซียในปีนี้

 

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า สหรัฐและพันธมิตรเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมอีก ซึ่งรวมถึงการระงับนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่กองกำลังทหารรัสเซียก่อเหตุสังหารหมู่ชาวยูเครนในเมืองบูชา (Bucha) ใกล้กับกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามที่โหดร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่ารัสเซียจะออกมายืนยันกระต่ายขาเดียวว่าข่าวสังหารหมู่ในเมืองบูชานั้นเป็นข่าวลวงและไม่ใช่ฝีมือของรัสเซีย

"การที่กลุ่ม G7 ตัดสินใจ ตัดรัสเซียออกจากสถานะประเทศที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่งทางการค้า (Most Favored Nation) หรือ MFN จะทำให้การส่งออกของรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยคาดว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ ยอดการส่งออกของรัสเซียจะลดลงถึง 20%" รายงานของโกลด์แมน แซคส์ ระบุ

 

เศรษฐกิจรัสเซียมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดของเอสแอนด์พี โกลบอลซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของรัสเซียร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 44.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 48.6 ในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ภาคส่วนต่าง ๆ ของรัสเซียยังชะลอตัวลงเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงผลผลิต ยอดสั่งซื้อใหม่ และยอดส่งออกชิ้นส่วนด้านอุตสาหกรรม

 

สหรัฐไล่บี้ เล็งแบนการลงทุนใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย - ขับพ้น G20

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (7 เม.ย.) สหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ช่วงดึกวันที่ 6 เม.ย.ตามเวลาประเทศไทย โดยสั่งห้ามการลงทุนใหม่ทั้งหมดของบริษัทอเมริกันในรัสเซีย ตลอดจนคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินของรัสเซียซึ่งรวมถึง Sberbank สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย และ Alfa Bank ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดในรัสเซีย รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียและสมาชิกในครอบครัว ซึ่งหมายรวมถึงนางมารียา ปูตินา และนางคาเทรินา ทิโคโนวา บุตรสาวสองคนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ถูกคว่ำบาตรในรอบใหม่นี้ ยังประกอบด้วย

• ภรรยาและบุตรสาวของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
• นายดมิทรี เมดเดเวฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
• นายมิคาอิล มิชูสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซียคนปัจจุบัน
• นายคอนสแตนติน ชุฟเซนโก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรัสเซีย

เป้าหมายเพื่อตัดช่องทางเข้าถึงเงินสดที่อยู่ในสหรัฐของบรรดาสถาบันการเงินและบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำของสหรัฐเหล่านี้

 

นอกจากนี้ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐยังกล่าวว่า รัสเซียควรถูกขับออกจากกลุ่มจี20 และสหรัฐจะคว่ำบาตรการประชุมจี20 หากเจ้าหน้าที่รัสเซียเข้าร่วมด้วย

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความเห็นของนางเยลเลนมีขึ้นในการพิจารณาของคณะกรรมการด้านบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 เม.ย.) ซึ่งทำให้เกิดคำถามถึงบทบาทในอนาคตของจี20 หลังเกิดกรณีรัสเซียบุกยูเครน

 

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สหรัฐและพันธมิตรหลักได้ให้ความสำคัญมากขึ้นกับการรวมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่ยึดตามระบอบประชาธิปไตยทั้ง 7 หรือ จี7 ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า โดยใช้การประชุมจี7 เพื่อร่วมกันตอบโต้รัสเซียที่ทำสงครามในยูเครน

 

นางเยลเลน กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการตัดรัสเซียออกจากการมีส่วนร่วมในสถาบันระหว่างประเทศที่สำคัญ แต่ยอมรับว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่รัสเซียจะถูกขับออกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เนื่องจากขัดกับกฎของไอเอ็มเอฟ

 

"ปธน.ไบเดนชี้แจงไว้ชัดเจน และดิฉันก็เห็นด้วยกับท่านปธน.อย่างแน่นอนว่า ไม่สามารถให้รัสเซียดำเนินกิจกรรมตามปกติในสถาบันการเงินใด ๆ ได้ ปธน.ไบเดนขอให้ถอดรัสเซียออกจาก จี20 และดิฉันได้ชี้แจงกับเพื่อนร่วมงานในอินโดนีเซียแล้วว่า เราจะไม่เข้าร่วมการประชุม หากมีรัสเซียร่วมด้วย" นางเยลเลนกล่าว

 

ทั้งนี้ อินโดนีเซียดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม จี20 ในปีนี้ (2565) และจะเป็นเจ้าภาพการประชุมทางการเงินในเดือนก.ค. และการประชุมสุดยอดผู้นำจี-20 ในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้

 

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป (อียู) ก็เตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการแบนนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียด้วย  โดยนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (5 เม.ย.) ว่า อียูจะแบนการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 4,000 ล้านยูโร (4,390 ล้านดอลลาร์) ต่อปี