สำนักงานประจำภูมิภาคยุโรปของ องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยวานนี้ (12 พ.ค.) ว่า ผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในยุโรปมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านรายแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในยุโรปทะลุระดับ 218 ล้านราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,003,081 ราย
แถลงการณ์ของ WHO ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่มีการรายงานดังกล่าวถือเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของผู้ที่เสียชีวิตโดยตรงและโดยอ้อมจากโรคโควิด-19 และแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ชะลอตัวลง แต่โควิด-19 ก็ยังคงเป็นไวรัสที่อันตรายถึงตาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและผู้ที่มีโรคประจำตัว
ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศให้มีการลดธงลงครึ่งเสาเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชาวอเมริกันจำนวน 1 ล้านคนที่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยปธน.ไบเดนกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการบรรลุหลักไมล์ที่ “น่าเศร้า” และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันยังคงให้ความระมัดระวังต่อไป
"เราจะยังคงเฝ้าระวังต่อโรคระบาดดังกล่าว และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยชีวิตคนให้ได้มากที่สุด โดยเรามีการฉีดวัคซีน และให้การรักษาทางการแพทย์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเป็นเรื่องสำคัญที่สภาคองเกรสจะต้องอนุมัติงบประมาณต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า"
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ชาวอเมริกันมียอดเสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 มากกว่า 1 ล้านคนเมื่อวันพฤหัสฯ (12 พ.ค.) โดยใช้เวลาราว 2 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีการตรวจพบการแพร่ระบาดในช่วงต้นปี 2563 ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวมากกว่าประชากรในนครซานฟรานซิสโกหรือซีแอตเทิล หรือเทียบเป็นสัดส่วนชาวอเมริกัน 1 ต่อ 327 คน
อย่างไรก็ดี จำนวนผู้เสียชีวิตจริงจากโควิด-19 อาจมากกว่าที่มีการรายงาน โดยคาดว่าชาวอเมริกันอีกจำนวนมากได้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยไม่ผ่านการตรวจหาเชื้อ และไม่ถูกนับรวมในตัวเลขสถิติของทางการสหรัฐ