'เจอโรม พาวเวลล์' สาบานตนรับตำแหน่งประธานเฟด สานต่อนโยบายสมัยที่สอง 

การสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ของ นายเจอโรม พาวเวลล์ เป็น ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สมัยที่ 2 วานนี้ (23 พ.ค.) มีขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 80-19 เห็นพ้องให้นายพาวเวลล์รับตำแหน่ง ประธานเฟด ต่อไปอีก 4 ปี หลังจากที่เขาครบวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรกตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา

คะแนนเสียงที่นายพาวเวลล์ได้รับจากวุฒิสภาในครั้งนี้ ใกล้เคียงกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่เขาได้รับเสียงสนับสนุน 84-13 เสียง

นอกจากนี้ นางลาเอล เบรนาร์ด ยังได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรองประธานเฟด พร้อมด้วยนายฟิลลิป เจฟเฟอร์สัน และนางลิซา คุก ซึ่งเข้ารับตำแหน่งสมาชิกในคณะผู้ว่าการเฟดในวันเดียวกัน

ทั้งนี้ นายพาวเวลล์มีภารกิจที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้า นั่นคือการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1/2565 หดตัวลงมาแล้ว 1.4%

นายพาวเวลล์เข้ารับตำแหน่งประธานเฟดในเดือนก.พ. 2561 โดยอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อเขาให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน (ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังสหรัฐ) ขณะที่ตลาดการเงินมองว่า นายพาวเวลล์เป็นเจ้าหน้าที่เฟด "สายพิราบ" สังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย "อย่างค่อยเป็นค่อยไป" ตามแนวทางของนางเยลเลน

ส่วนประวัติการศึกษา นายพาวเวลล์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการเมืองจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และเข้าเรียนต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ แม้ไม่ได้จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์มาโดยตรง ทว่านายพาวเวลล์ก็เป็นคนที่ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วมาก 

กล่าวกันว่าเขาอ่านหมายเหตุที่อ้างอิงถึงงานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ในเอกสารของเฟดแทบทุกหน้า รวมถึงยังมีความเข้าใจในระดับเบื้องต้นของแบบจำลองทางเศรษฐกิจของเฟดได้ในขนาดที่เพื่อนร่วมงานยังต้องแปลกใจ 

ก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเฟด พาวเวลล์เคยเป็นอดีตสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ( FOMC) ของเฟด และยังเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มคาร์ไลล์ หนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกรายใหญ่ระดับโลก เขาเคยกล่าวในการเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกเมื่อปี 2560 ว่า จะสานต่อนโยบายปฏิรูปที่เฟดใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งสามารถขับเคลื่อนให้ภาคการเงินของสหรัฐก้าวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

แม้จนถึงขณะนี้ กำลังเข้าสู่สมัยที่สอง การดำเนินงานของเฟดในยุคของเขาก็ยังคงเป็นไปอย่างรอบคอบและพร้อมตอบสนองต่อทุกความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง