นายอิชิ อาเมมิยะ และนายโรเบิร์ต เดนท์ นักวิเคราะห์จาก ธนาคารโนมูระ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ จะเข้าสู่ ภาวะถดถอย เล็กน้อยในช่วงปลายปี 2565 นี้ เนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
"เราคาดว่าเฟดจะยังใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป ขณะที่ผู้บริโภคจะเผชิญกับผลกระทบด้านลบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งปัญหาห่วงโซ่อุปทานด้านอาหารและพลังงานที่ย่ำแย่ลง เราเชื่อว่าการที่เฟดแสดงความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อด้วยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นเพื่อฉุดตัวเลขเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นั้น จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยในไตรมาส 4 ปีนี้" นักวิเคราะห์ของโนมูระกล่าว
การคาดการณ์ดังกล่าวซึ่งเผยแพร่วานนี้ (20 มิ.ย.) สวนทางกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลัง ซึ่งต่างก็เชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของโนมูระระบุ แม้ว่าความแข็งแกร่งของงบดุลบัญชีผู้บริโภคและเงินออมส่วนเกินของผู้บริโภคสหรัฐ จะช่วยชะลอการหดตัวของเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้ง “แรงขึ้น” และ “เร็วขึ้น” เพื่อที่จะสกัดเงินเฟ้อ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งรวมถึงภาคครัวเรือน
ทั้งนี้ โนมูระได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปี 2565 ลงสู่ระดับ 1.8% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์ GDP ปีหน้า (2566) ลงเหลือ 1% จากเดิม 1.3%
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 0.75% ในการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงที่สุดในรอบ 28 ปี
นอกจากนี้ ในการประชุมวันดังกล่าว เฟดได้เปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในสิ้นปี 2566 และชะลอตัวสู่ระดับ 3.4% ในปี 2567 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 2.5%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ ว่าจะมีการขยายตัวเพียง1.7% เป็นการปรับลดจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.8% ในเดือนมี.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงมาแล้ว 1.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ (Q1/65) ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยโดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563