คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537
นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปี 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ในรอบการประชุมที่เหลืออีก 4 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในสิ้นปีหน้า (2566) จากนั้นจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.4% ในปี 2567 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5%
การที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค. และ 0.50% ในเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.
รายละเอียดการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 รวมทั้ง คาดการณ์ไทม์ไลน์ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 4 ครั้งที่เหลือในปีนี้ เป็นดังนี้
การประชุมที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปี
ต่อไปเป็น 'คาดการณ์' การปรับขึ้นดอกเบี้ย สำหรับการประชุม 4 ครั้งที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ นอกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงที่สุดในรอบ 28 ปีแล้ว ในการประชุมครั้งล่าสุดเดือนมิ.ย. เฟดยังได้ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับเพียง 1.7% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.8% ในเดือนมี.ค.
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงมาแล้ว 1.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ (Q1/65) ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยโดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563