รัสเซีย ผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2461 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาติตะวันตกประกาศ คว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงการปิดช่องทางการชำระหนี้ให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนยืดเยื้อมากว่า 4 เดือน ทั้งนี้ รัสเซียมีกำหนดชำระอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) แต่นับจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการชำระอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ซึ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียได้ ผิดนัดชำระหนี้ แล้ว
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลรัสเซียชำระหนี้ให้กับผู้ถือพันธบัตรผ่านทางธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้รัสเซียมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ และถือเป็นการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดที่สหรัฐประกาศใช้ เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะบริหารของปธน.ไบเดนได้อนุญาตให้ยกเว้นการคว่ำบาตรต่อธนาคารกลางรัสเซียเป็นการชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสามารถชำระหนี้ให้กับผู้ถือพันธบัตรผ่านทางธนาคารสหรัฐและธนาคารทั่วโลกได้ แต่แถลงการณ์ชื่อ Notice on Russian Harmful Foreign Activities Sanctions General License 9C ที่ออกโดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ข้อยกเว้นดังกล่าวได้หมดอายุลงในวันที่ 25 พ.ค. 2565 ตามเวลาสหรัฐ
นายทิโมธี แอช นักยุทศาสตร์ด้านการลงทุนของบริษัทบลูเรย์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ (OFAC) ในสังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจและการค้านั้น สามารถสั่งระงับไม่ให้รัสเซียชำระหนี้พันธบัตรผ่านทางสถาบันการเงินในฝั่งตะวันตกได้ทุกเวลา ซึ่งจะทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้ได้ทุกเวลาเช่นกัน
ทางด้านนายฮัสซัน มาลิค นักวิเคราะห์จากบริษัทลูมิส เซย์เลส แอนด์ คอมพานี กล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ของรัสเซียถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยากมาก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากถูกรัฐบาลต่างชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อบีบให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้