ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าววานนี้ (27 มิ.ย.)ว่า ขณะเกิดเหตุคาดว่าจะมีคนมากกว่า 1,000 คนติดอยู่ภายในอาคารห้างสรรพสินค้า ภาพจากที่เกิดเหตุเผยให้เห็นกลุ่มควันและเปลวไฟสีดำขนาดมหึมา โดยมีหน่วยกู้ภัยพยายามรีบเร่งดับไฟและค้นหาผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ผู้นำยูเครนเผยว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธใส่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าวทั้งที่มีพลเรือนนับพันคนอยู่ข้างใน เกิดไฟไหม้ห้างฯ ขณะเจ้าหน้าที่เร่งดับไฟ แต่จำนวนความเสียหายก็เกินกว่าจะจินตนาการ "รัสเซียยังคงข่มเหงประชาชนทั่วไป มันไม่มีประโยชน์ที่จะคาดหวังความเหมาะสมและความมีมนุษยธรรมจากรัสเซีย” ปธน.เซเลนสกี กล่าว
เซอร์ฮีย์ ครุก หัวหน้าหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินแห่งรัฐ กล่าวเมื่อเวลา 02.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ (28 มิ.ย.) ว่า หน่วยกู้ภัยยังคงทำงานอยู่ที่จุดเกิดเหตุซึ่งเคยเป็นห้างสรรพสินค้าในเมืองเครเมนชุก แต่ขณะนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง ภารกิจหลักที่หน่วยกู้ภัยดำเนินการอยู่ในปัจจุบันคือการพยายามค้นหาผู้บาดเจ็บหรือรอดชีวิต รื้อซากปรักหักพัง และดับไฟที่ลุกไหม้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีรายงานยอดผู้เสียชีวิต 16 รายและบาดเจ็บ 59 ราย โดยในจำนวนผู้บาดเจ็บมี 25 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ได้รับแจ้งมีผู้สูญหายอย่างน้อย 40 รายที่คาดว่ายังคงติดอยู่ภายในซากอาคารห้างสรรพสินค้าดังกล่าว
ทั้งนี้ การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 300 คนในการดับไฟ กินเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง
มิโคลา ลูคัช จากสำนักงานอัยการเขตเครเมนชุก เปิดเผยว่า วันนี้ (28 มิ.ย.) จะมีการนำปั้นจั่นเข้ามาเพื่อช่วยยกหลังคาและเศษซากอาคารห้างสรรพสินค้าที่ถล่มลงมา
การโจมตีครั้งนี้มีขึ้นในวันเดียวกันกับที่ประเทศเยอรมนี มีการประชุมกลุ่ม G7 ในแคว้นบาวาเรีย (26-28 มิ.ย.) ซึ่งบรรดาผู้นำประเทศได้หารือถึงวิธีการลงโทษรัสเซียเพิ่มเติมเพื่อกดดันให้ยุติสงคราม และผู้นำกลุ่ม G7 ยังให้คำมั่นด้วยว่า จะยืนหยัดเคียงข้างยูเครนให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
นอกจากนี้ ยังมีการออกแถลงการณ์ร่วมของผู้นำกลุ่ม G7 ระบุว่า การโจมตีห้างสรรพสินค้าในยูเครนที่มุ่งเป้าไปที่พลเรือน ถือเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ถ้อยแถลงระบุว่า “เรา ผู้นำของกลุ่ม G7 ขอประณามการโจมตีห้างสรรพสินค้าในเครเมนชุกที่น่ารังเกียจอย่างจริงจัง ... เรายืนหยัดร่วมกับยูเครนในการไว้อาลัยเหยื่อผู้บริสุทธิ์จากการโจมตีที่โหดร้ายนี้ การโจมตีตามอำเภอใจต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม”
แถลงการณ์ของผู้นำกลุ่ม G7 ระบุว่า พวกเขาจะให้การสนับสนุนทางการเงิน มนุษยธรรม และการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น "เราจะไม่หยุดจนกว่ารัสเซียจะยุติสงครามที่โหดร้ายและไร้เหตุผลกับยูเครน”
ทั้งนี้ ดูเหมือนรัสเซียจะยกระดับการโจมตีหลายเมืองในยูเครนด้วยขีปนาวุธ โดยเมื่อวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) รัสเซียเพิ่งโจมตีเมืองหลวงเคียฟอีกครั้งในรอบ 3 สัปดาห์ และมีการยิงขีนาวุธ 20 ลูกจากประเทศเบลารุส พันธมิตรของรัสเซีย ทำให้เกิดความกังวลในยูเครนว่า รัสเซียอาจกำลังพยายามลากพันธมิตรที่สำคัญอย่างเบลารุสเข้าสู่สมรภูมิความขัดแย้งครั้งนี้ด้วย
ด้านกองบัญชาการกองทัพอากาศของยูเครนได้ออกแถลงการณ์ใจความว่า รัสเซียโจมตีห้างสรรพสินค้าในเครเมนชุกด้วยขีปนาวุธร่อน X-22 จำนวน 2 ลูก โดยเป็นการยิงจากเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22M ที่ไม่ทราบจำนวน เครื่องบินเหล่านี้ยิงขีปนาวุธในขณะที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนยูเครน
ผู้ว่าราชการระดับท้องถิ่นของยูเครนเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น "การก่อการร้ายต่อพลเรือน" โดยชี้ว่า ไม่มีเป้าหมายทางทหารในบริเวณใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ที่อาจเป็นเป้าโจมตีของรัสเซียได้
ขณะที่ฝ่ายรัสเซียเอง ยังไม่มีการออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซียปฏิเสธโดยตลอดว่า ไม่เคยจงใจโจมตีพลเรือนของยูเครนเลย
ดมิทรี โปลยันสกี รองเอกอัครราชทูตประจำ UN ของรัสเซีย ให้ความเห็นเพียงสั้น ๆว่า รายงานการโจมตีนี้ “มีความไม่สอดคล้องกันหลายประการ”