ปากีสถาน จำเป็นต้องเรียกร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากนานาประเทศ เพื่อนำมารับมือกับภาวะ อุทกภัยครั้งใหญ่ ที่เกิดจาก ฝนมรสุม ที่ตกหนักผิดปกติ กระทั่งเกิด ภาวะน้ำท่วมรุนแรง ทั้งในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคใต้ รายงานข่าวระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1,000 คนและมีประชาชนเดือดร้อนหนักกว่า 30 ล้านคน
นายบิลาวาล บุตโต-ซาร์ดารี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์วานนี้ (28 ส.ค.) ว่า เขาไม่เคยเห็นสภาพความเสียหายรุนแรงหนักเท่านี้มาก่อน สภาวะฝนตกกระหน่ำอย่างหนักทำให้เรือกสวนไร่นาจำนวนมากที่มีส่วนสำคัญในการหาเลี้ยงชีพของประชาชน ถูกน้ำพัดพาผลผลิตสูญหายไปจนหมดสิ้น เขายอมรับว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแน่นอน
รอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบัน ปากีสถานกำลังเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งเรื่องของอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ค่าเงินของประเทศที่อ่อนตัวหนัก และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดด้วย
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีกำหนดที่จะตัดสินใจในสัปดาห์นี้ว่า จะอนุมัติเงินกู้มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินกู้ก้อนที่ 7 และ 8 ของโครงการช่วยกู้เศรษฐกิจปากีสถานหรือไม่
นายบุตโต-ซาร์ดารี ให้ความเห็นว่า คณะกรรมการของ IMF น่าจะอนุมัติเงินก้อนนี้ หากพิจารณาจากข้อตกลงที่ปากีสถานและกองทุนการเงินระหว่างประเทศบรรลุไว้แล้ว และตัวเขาเองก็หวังว่า ในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ IMF จะพิจารณาเรื่องผลกระทบของภาวะอุทกภัยหนักที่กำลังเกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ นายบุตโต-ซาร์ดารี รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน เป็นบุตรของนางเบนาซีร์ บุตโต อดีตผู้นำปากีสถาน ที่ถูกลอบสังหารเมื่อปี 2550 เขายอมรับว่า ปากีสถานต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน และขณะนี้รัฐบาลกำลังประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจของวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้อยู่ ขณะเดียวกันมีตัวเลขคาดการณ์ว่า มูลค่าความเสียหายโดยรวมน่าจะไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 145 ล้านบาท