ข่าวลือ"สี จิ้นผิง"ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ-กักบริเวณ ยังไม่ได้รับการยืนยัน

25 ก.ย. 2565 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2565 | 10:16 น.

ข่าวลือ “ปธน.สี จิ้นผิง” ถูกกักตัวหลังการรัฐประหารในจีน ที่แพร่สะพัดจนแฮชแท็ก#XiJinping และ #ChinaCoup ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ ยังคงไม่ได้รับการยืนยัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีน มองว่าการก่อรัฐประหารในจีนเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้

ตามที่มีสื่อต่างประเทศซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของอินเดียหลายสำนักรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ถูกกักบริเวณในบ้านพัก หลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) ของจีน โดยขณะนี้กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงปักกิ่งถูกยกเลิกเป็นจำนวนมากนั้น ก่อให้เกิดกระแสไวรัลแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ และทำให้เกิดแฮชเท็ก  #XiJinping และ #ChinaCoup ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์วานนี้ (24 ก.ย.)  

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวและข้อมูลดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นกรณีปธน.สี จิ้นผิง ถูกควบคุมตัว ถูกกักบริเวณ หรือการทำรัฐประหารในจีน ยังไม่ได้ถูกนำเสนอในสื่อหลักแต่อย่างใด ไม่มีการยืนยันจากสำนักข่าวต่างประเทศ ซ้ำยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการจีน

 

ประเด็นดังกล่าวมีผู้ตั้งข้อสังเกตเป็นจำนวนมากว่า ข้อมูลล่าสุดที่ถูกปล่อยออกมา น่าจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือและเป็นข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ (fake news) เท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนในต่างประเทศส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ยังไม่พบสัญญาณการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นในจีน ซึ่งข่าวลือนี้ น่าจะเกิดมาจากการที่ปธน.สีจิ้นผิง ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่เชื่อว่าสาเหตุเป็นเพราะเขาน่าจะอยู่ระหว่างการกักตัว หรือ self-quarantine ภายใต้มาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดของจีน หลังจากที่เพิ่งเดินทางเยือนคาซัคสถานและอุซเบกิสถานเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของปธน.สี จิ้นผิง นับตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาดในช่วงปลายปี 2562

 

ด้าน South China Morning Post ซึ่งเป็นสื่อใหญ่ของฮ่องกง ไม่มีการรายงานเกี่ยวกับการรัฐประหารหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจีนเลยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนี้โพสต์ทวีตหลายสิบโพสต์ของสื่อใหญ่รายนี้ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับจีนและสถานการณ์โลก ก็ไม่มีข่าวรัฐประหารในจีน หรือข่าวสายการบินงดบินแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ยังคงมีข่าวการบรรยายสรุปต่อสาธารณะโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีน ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนยังคงทำงานได้ตามปกติ

ขณะที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของ รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ผู้เชี่ยวชาญด้านเศษฐกิจ และยุทธศาสตร์เกี่ยวกับจีน ได้โพสต์ถึงประเด็นข่าวลือนี้ว่า น่าจะเป็น "ข่าวปลอม" และ"ไม่เป็นความจริง" โดยรศ.ดร.อักษรศรี ได้ทำการตรวจสอบไปยังแหล่งข่าวภายในของทางจีนแล้ว และได้รับการยืนยันว่า ข่าวปธน.สี จิ้นผิง ถูกกักบริเวณไม่เป็นความจริง

 

ความขัดแย้งภายใน “มีอยู่จริง”

ข่าวลือที่เกิดขึ้นนี้ มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งภายในของจีนที่เริ่มมีข่าวออกมาเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันที่ 16 ต.ค. นี้ ณ กรุงปักกิ่ง

 

ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆนี้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต เชื่อว่าสาเหตุของเรื่องนี้มาจากปธน. สี จิ้นผิง กำลังปราบปรามกลุ่มการเมือง โดยสื่อใหญ่ของจีนรายงานว่า ศาลจีนได้ตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูง ซึ่งถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจปราบปรามกลุ่มการเมือง ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถึงการปรับเปลี่ยนคณะผู้นำทางการเมืองครั้งสำคัญในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลางเดือนหน้า (16 ต.ค.)

 

สำนักข่าวซีซีทีวีของจีนรายงานว่า นายซุน ลี่จวิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน อายุ 53 ปี ถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยศาลในเมืองชางฉุน มณฑลจี๋หลิน หลังพบว่ามีความผิดจริงในคดีรับสินบน 646 ล้านหยวน (91 ล้านดอลลาร์) รวมถึงการปั่นหุ้นและครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย

 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนกล่าวหาว่านายซุนใช้อำนาจในทางมิชอบและจัดตั้งกลุ่มผลประโยชน์ รวมถึงละทิ้งหน้าที่ในระหว่างเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 และเปิดเผยเอกสารลับของทางการ

 

นอกจากนี้ นายฟู่ เจิ้งหัว อดีตรัฐมนตรียุติธรรมและนายหวัง ลี่เคอ อดีตเจ้าหน้าที่ในมณฑลเจียงซู ซึ่งเกี่ยวพันกับกลุ่มผลประโยชน์ของนายซุน ก็ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 ก.ย.) และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 3 รายที่ถูกตัดสินโทษจำคุกระยะยาวเมื่อวันพุธ (21 ก.ย.)

 

 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การตัดสินโทษครั้งนี้ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีความพยายามในการปราบปรามเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ระดับสูง ก่อนถึงการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคฯ ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 16 ต.ค. ณ กรุงปักกิ่ง โดยคาดการณ์กันว่า ปธน.สีจะกุมอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งถือเป็นการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่บัญญัติให้ประธานาธิบดีแต่ละคนสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำจีนได้เพียง 2 สมัย รวมทั้งสิ้น 10 ปี และจะมีการแต่งตั้งคณะผู้นำของพรรคฯเพื่อบริหารประเทศสำหรับช่วงตลอดเวลา 5 ปีข้างหน้า