น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
คำตอบของปูตินที่ยาวและละเอียดที่สุด นับตั้งแต่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นต้นมา ครอบคลุมทั้งเรื่องสงครามนิวเคลียร์ วิธีการยุติความขัดแย้งในยูเครน และการจัดระเบียบโลกใหม่ ที่ตะวันตกจะต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์หรือสงครามรัสเซีย-ยูเคร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา
เราจะเห็นคำให้สัมภาษณ์หรือการแถลงบ่อยครั้ง ของประธานาธิบดีเซเลนสกี้ของยูเครน ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีจอห์นสันของอังกฤษ
แต่จะไม่ค่อยได้ยินการให้สัมภาษณ์หรือการตอบคำถามบ่อยครั้งนักของ
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย และในแต่ละครั้ง ก็มักจะเป็นการให้สัมภาษณ์หรือตอบสั้นสั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ต้องถือว่าเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นต้นมา ที่ประธานาธิบดีปูตินได้ให้สัมภาษณ์ พูดคุย และตอบคำถามที่ละเอียดและใช้เวลานานที่สุดครั้งหนึ่ง ใน Valdai Disscussion Club ที่กรุงมอสโคว์
โดยในช่วงเริ่มต้น ได้มีการพูดถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน (ค.ศ. 2018) ที่ประธานาธิบดีปูตินเองได้เคยตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องสงครามนิวเคลียร์ว่า
รัสเซียจะไม่เป็นผู้เริ่มใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อนแน่นอน แต่จะใช้เพื่อการตอบโต้ที่จำเป็นเท่านั้น คำว่าจำเป็นคือ มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าฝ่ายบุกรุกได้ปล่อยอาวุธนิวเคลียร์แล้ว โดยมีเป้าหมายเข้ามาในเขตแดนของรัสเซีย
ปูตินได้ตอบเน้นชัดเจนว่า ผู้บุกรุกด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จะต้องถูกตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์เช่นกัน
และรัสเซียในฐานะเป็นเหยื่อของความรุนแรงดังกล่าว ก็จะไปสู่สรวงสวรรค์ แต่ผู้บุกรุกจะต้องตายแบบไม่มีโอกาสสำนึกบาปกันเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน รัสเซียก็ได้เรียกร้องให้สหรัฐและอังกฤษ ทำการตรวจสอบโดยด่วน ถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศยูเครนจะใช้ Dirty Bomb ซึ่งทางยูเครนก็ได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวทันที
ข้อความหรือสาระสำคัญโดยสรุป ที่ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวถึง มีดังนี้
ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ ที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ได้ออกมาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ และมีรายละเอียดที่มากพอสมควร ครอบคลุมทั้งเรื่อง สงครามรัสเซีย-ยูเครน เรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และเรื่องอนาคตของโลก ที่จะมีมหาอำนาจหลายฝ่าย ไม่ใช่มีเฉพาะสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกเท่านั้น
ก็คงต้องฟังเสียงและท่าทีของสหรัฐอเมริกา นาโต ยูเครน และจีน ว่าจะมีความเห็นอย่างไรต่อไป