สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อมาจะครบปีแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ไม่มีท่าทีจะยุติในเร็ววัน มีแต่แนวโน้มจะเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า รัสเซียกำลังวางแผนเรียกกำลังพลสำรองเพื่อเสริมทัพครั้งใหญ่
ขณะเดียวกันสื่อตะวันตกรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ได้ส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีความเร็วระดับ “ไฮเปอร์โซนิก” รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอาวุธความเร็วเหนือเสียงขั้นสูง มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติกแล้ววานนี้ (4 ธ.ค.)
นี่คือสัญญาณที่รัสเซียส่งตรงไปยังโลกตะวันตกว่า ไม่ว่าจะปีเก่าหรือปีใหม่ รัสเซียจะไม่ผ่อนคันเร่งในสงครามยูเครนอย่างแน่นอน
แม้ว่ารัฐบาลมอสโกจะเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศเกี่ยวกับสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน ซึ่งคร่าชีวิตเหล่าทหารใหม่จำนวนมากที่ถูกส่งไปร่วมรบในสมรภูมิ แต่ทางการยูเครนก็คาดการณ์ว่า รัสเซียยังมีแผนระดมกำลังพลเพิ่มเติมอีกรอบ เพื่อเผด็จศึกครั้งนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเปิดประเด็นนี้ของปธน.เซเลนสกี ผู้นำยูเครน มีมาหลายสัปดาห์แล้ว เขายังกล่าวด้วยว่า รัสเซียกำลังปิดพรมแดนเพื่อป้องกันไม่ให้ชายสัญชาติรัสเซียหลบหนีการเกณฑ์ทหารรอบใหม่นี้ด้วย
ผู้นำยูเครนเผยว่า รัสเซียกำลังเข้าตาจนเนื่องจากการสูญเสียกำลังพลในสงคราม ดังนั้น “เราไม่สงสัยเลยว่านายใหญ่ของรัสเซียในขณะนี้ กำลังทุ่มเททุกอย่างที่เขามีในหน้าตัก เพื่อพยายามพลิกกระแสสงครามและอย่างน้อยก็เพื่อชะลอความพ่ายแพ้ของพวกเขา”
รอยเตอร์รายงานว่า หากรัสเซียกำลังวางแผนระดมพลรอบใหม่ การเสียชีวิตจำนวนมากของเหล่าทหารเกณฑ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา (ในเหตุการณ์ยูเครนยิงขีปนาวุธถล่ม ทำให้รัสเซียสูญเสียกำลังพลถึง 63 นาย) ก็อาจยิ่งบั่นทอนกำลังใจของเหล่าทหารรัสเซียได้ สิ่งหนึ่งที่สะท้อนมุมมองดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนกันยายนปีที่แล้ว เมื่อชายชาวรัสเซียจำนวนมากหนีออกนอกประเทศหลังจากที่ปธน.ปูติน เรียกระดมพลกำลังสำรองครั้งแรก
อะไรคือเป้าหมายของปูติน
สิ่งที่ยูเครนคาดหมายนั้น ไม่ห่างไกลความจริง เพราะในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา (2565) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมาระบุว่า สถานการณ์สู้รบในยูเครนเป็น “โศกนาฏกรรม” ที่เขาไม่ต้องการให้เนิ่นช้าต่อไป รัสเซียมีแผนจะเพิ่มกำลังทหารจาก 1 ล้านนาย เป็น 1.5 ล้านนาย เพื่อการเผด็จศึกยูเครนในปี 2566 โดยรัสเซียจะ “ปักหลักในยูเครนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย”
ในการหารือกับนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กำลังพล 1.5 ล้านนายในปีนี้ หมายรวมถึงทหารอาสา 695,000 นาย อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียไม่ได้ระบุถึงกำหนดเวลาของแผนการเพิ่มกำลังพลว่าจะให้เสร็จสมบูรณ์เมื่อใด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ปูติน ได้ระดมกำลังสำรอง 300,000 นาย เพื่อหนุนกองกำลังรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครนขณะที่กำลังสำรอง 150,000 นายได้เข้าประจำการในพื้นที่การสู้รบในประเทศเพื่อนบ้านแล้วและอีกครึ่งหนึ่งยังอยู่ระหว่างการฝึกฝน นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ยังได้ประกาศแผนจัดตั้งหน่วยงานของกองทัพใหม่ทางตะวันตกของรัสเซีย เพื่อเป็นแผนถ่วงดุลอำนาจฟินแลนด์และสวีเดนในการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ส่งเรือรบติดขีปนาวุธความเร็วสูงมุ่งหน้าแอตแลนติก
อีกความเคลื่อนไหวของรัสเซียที่ทำให้โลกต้องจับตา คือการส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีความเร็วเหนือเสียง (ไฮเปอร์โซนิก) รุ่นใหม่มุ่งหน้าไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติกเมื่อวันพุธ (4 ธ.ค.)
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า เรือฟริเกต Gorshkov จะเดินทางไปยังมหาสมุทรแอตเเลนติกและมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีภารกิจหลักคือ "ต้านภัยคุกคามต่อรัสเซีย" และรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคร่วมกับมิตรประเทศ
รอยเตอร์รายงานว่า เรือฟริเกต Gorshkov ของรัสเซีย ติดตั้งอาวุธซึ่งเป็นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “เซอร์คอน” (Zircon) หนึ่งในหัวใจสำคัญของโครงการวิจัยและพัฒนาอาวุธความเร็วสูงของรัสเซีย ขีปนาวุธดังกล่าว มีความเร็วสูงถึง 9 เท่าของเสียง และยิงได้ไกลว่า 1,000 กิโลเมตร
"ผมมั่นใจว่า อาวุธที่มีอานุภาพขนาดนี้จะสามารถปกป้องรัสเซียอย่างหวังผลได้ หากมีภัยคุกคามภายนอกเกิดขึ้น" ปธน.ปูติน ยังระบุด้วยว่า นี่คืออาวุธที่ยังไม่มีประเทศใดสามารถเทียบชั้นกับรัสเซียได้ ส่วนในยูเครนนั้น รัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิกอีกชนิดชื่อว่าคินซอล (Kinzhal)
ปัจจุบัน รัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา กำลังเเข่งขันกันพัฒนาอาวุธความเร็วไฮเปอร์โซนิก ซึ่งเร็วกว่าการเดินทางของเสียงอย่างน้อย 5 เท่า เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการทหาร ความเคลื่อนไหวของรัสเซียครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการสร้างแรงกดดันต่อยูเครน แต่ยังส่งสัญญาณตรงดิ่งไปยังสหรัฐและนาโตว่า รัสเซียมีแสนยานุภาพทางการทหารมากพอและไม่เคยรั้งรอที่จะใช้มัน
ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเริ่มส่งทหารเข้าไปยังยูเครน ปธน.ปูตินให้ เหตุผลในการส่งกำลังพลเข้าไปในยูเครน ก็เพื่อ
“ปฏิบัติการพิเศษทางทหารนี้ จะดำเนินต่อไปจนกว่าภารกิจของรัสเซียจะเสร็จสิ้น ผมไม่มีข้อกังขาเลยว่า เราจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่ตั้งไว้” เป็นคำปฏิญาณที่ปธน.ปูติน ประกาศไว้เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา และเขากำลังพิสูจน์ในตอนนี้ว่า ที่กล่าวไว้นั้น เขาเอาจริง!