สหรัฐอ่วมครองแชมป์ประเทศประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติสูงที่สุดในโลก

02 พ.ค. 2566 | 01:53 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2566 | 02:08 น.

ให้ตำแหน่งนี้คงไม่มีใครอยากรับ แต่สหรัฐอเมริกาต้องก้มหน้ารับสภาพ ประเทศที่ครองสถิติประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติสูงที่สุดในโลก

 

เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ สหรัฐอเมริกา เวลานี้ เปรียบประดุจกระสอบทรายของโลก ที่กำลังถูก สภาพอากาศอันเลวร้าย ไล่ถลุงจนอยู่ในสภาพย่ำแย่หนัก ต้องเผชิญกับ สภาพอากาศที่สุดโต่ง และรุนแรง สร้าง ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในระดับสูง ทั้งยังมาในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย ในระดับที่สูงกว่าประเทศใดๆในโลก

ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ คนกล่าวโทษว่า สภาพทางภูมิศาสตร์คือ ต้นเหตุหลักของสถานการณ์ดังกล่าว นั่นเป็นเพราะสหรัฐมีมหาสมุทรสองแห่ง มีอ่าวเม็กซิโก มีเทือกเขาร็อคกี้ และคาบสมุทรที่ยื่นออกมา เช่น รัฐฟลอริดา ตลอดจนแนวปะทะของลมพายุที่กระหน่ำเข้าหากัน รวมทั้งกระแสลมกรด ที่รวมตัวกันจนก่อให้เกิดสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดได้เองตามธรรมชาติ

และนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะนอกจากธรรมชาติจะไม่เข้าข้างสหรัฐแล้ว ผู้คนยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกมากจากสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วย

จุดศูนย์รวมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รุนแรง

เมื่อผนวกกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเข้าไป ริค สปินราด หัวหน้าสถาบันสมุทรศาสตร์วิทยาเเละชั้นบรรยากาศโลกเเห่งชาติสหรัฐ หรือ โนอา (NOAA) คาดการณ์ว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพายุทอร์นาโด พายุเฮอริเคน น้ำท่วมฉับพลัน ภัยแล้ง ไฟป่า พายุหิมะ พายุน้ำแข็ง พายุ นอร์อีสเตอร์ (Nor’easters) ซึ่งเป็นพายุที่เกิดขึ้นเฉพาะที่แถบชายฝั่งตะวันออก หิมะที่เกิดจากลมเย็นจัดพัดผ่านพื้นที่ทะเลสาบทางเหนือของสหรัฐ คลื่นความร้อน พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง ลูกเห็บ ฟ้าผ่า ปรากฏการณ์แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ พายุเดเรโช หรือพายุฝนฟ้าคะนองขนาดยักษ์ พายุฝุ่น พายุมรสุม บอมบ์ไซโคลน และลมวนขั้วโลกที่น่าสะพรึงกลัว

ด้านซูซาน คัตเตอร์ (Susan Cutter) ผู้อำนวยการสถาบัน Hazards Vulnerability and Resilience Institute แห่งมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา อธิบายว่า จีนอาจมีผู้คนมากกว่าและมีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับสหรัฐ แต่จีนไม่ได้มีการปะทะกันของมวลอากาศมากเท่ากับในสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดสภาพอากาศที่รุนแรง

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการเกิดพายุทอร์นาโดและพายุรุนแรงอื่น ๆ ไปแล้ว

สหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการเกิดพายุทอร์นาโดและพายุรุนแรงอื่น ๆ ไปแล้ว

สภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้เป็นไป

วิคเตอร์ เจนซินี ศาสตราจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยาที่มหาวิทยาลัย นอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มมาจาก 2 ปัจจัย ซึ่งได้แก่ อ่าวเม็กซิโก และภูมิประเทศที่ยกสูงไปทางตะวันตก โดยทางฝั่งแอตแลนติกต้องเผชิญกับพายุนอร์ธอีสเตอร์ในฤดูหนาว พายุเฮอริเคนในฤดูร้อน และบางครั้งก็มีความประหลาดของสภาพอากาศทำให้เกิดทั้งสองอย่างพร้อมกัน จนกลายมาเป็นพายุรุนแรง เช่น ซูเปอร์สตอร์มแซนดี้ หรือพายุเฮอริเคนแซนดี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

โจเซฟ ทรูจิลโล ฟัลคอน นักสังคมศาสตร์ผู้ตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังสภาพอากาศที่เลวร้ายผ่านพ้นไปแล้ว กล่าวว่า พายุทอร์นาโดที่พัดถล่มรัฐเคนตักกีเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2021 เข้าโจมตีพื้นที่ซึ่งมีเหยื่อเป็นผู้อพยพลี้หนีภัยมาจากอเมริกากลางและใต้ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา และแอฟริกา ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ประสบภัย โดยปัญหาสำคัญก็คือคนเหล่านั้นไม่รู้จักพายุทอร์นาโดซึ่งไม่เคยเกิดในประเทศบ้านเกิดของตน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ทราบว่าต้องระวังหรือทำอะไรบ้างเมื่อเจอกับพายุ หรือง่าย ๆ ก็คือ ไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่า จะต้องคอยระวังพายุทอร์นาโดด้วย

เมื่อพายุผ่านพ้น พื้นที่ประสบภัยก็พังราบเป็นหน้ากลอง

วอล์กเกอร์ แอชลีย์ ศาสตราจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยาจากมหาวิทยาลัย นอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ กล่าวว่า ด้วยอากาศที่เย็นกว่าในแถบอาร์กติกและอากาศที่อุ่นกว่าในเขตร้อน พื้นที่ระหว่างสองเขตนี้ ซึ่งก็คือละติจูดกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของสหรัฐจึงกลายมาเป็นพื้นที่เผชิญสภาพอากาศที่น่าสนใจที่สุด

ความน่าสนใจที่ว่านี้ประกอบด้วยสภาพลักษณะอากาศที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันอุณหภูมิที่ต่างกันอย่างมาก และการไล่ระดับอุณหภูมิจากเหนือไปใต้ที่ก่อให้เกิดกระแสลมกรด ขณะที่ทิวเขาที่ทอดตัวจากเหนือลงใต้ก็ขวางลมที่พัดจากฝั่งตะวันตกไปตะวันออก และอากาศก็มีสภาพร้อนระอุในแถบทางใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของอ่าวเม็กซิโก

ศาสตราจารย์เจนซินี จากมหาวิทยาลัย นอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ กล่าวเสริมว่า อ่าวเม็กซิโกอัดอากาศร้อนชื้นเข้าไปใต้อากาศที่มักจะแห้งและเย็นกว่าที่มาจากทิวเขาบริเวณนั้น ซึ่งสภาพอากาศทั้งหมดนี้ไม่มีให้เห็นในที่อื่นในโลกเท่าใดนัก

บางพื้นที่ก็ร้อนหนักจากคลื่นความร้อนสูงพาดผ่าน

ด้านศาสตราจารย์ มาร์แชล เชพเฟิร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอร์เจีย ซึ่งเป็นอดีตประธานสมาคมอุตุนิยมวิทยาอเมริกัน กล่าวว่า พื้นที่ทางใต้ของประเทศสหรัฐถือว่าเป็นส่วนที่โชคร้ายที่สุด เพราะที่นั่นต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดโต่งทุกรูปแบบ

“ทางใต้ของสหรัฐมีโรงงานผลิตมากมายซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายจากสภาพอากาศทุกประเภท และพายุก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตเพราะผู้คนจะมองไม่เห็นและมีโอกาสน้อยที่จะหลบภัย และพวกเขาก็มักจะพลาดไม่ได้รับคำเตือนภัยในขณะที่นอนหลับอยู่อีกด้วย” ศาสตราจารย์แอชลีย์ จากมหาวิทยาลัย นอร์ธเทิร์น อิลลินอยส์ อธิบายเพิ่มเติม

ท้ายที่สุด ศาสตราจารย์แอชลีย์และศาสตราจารย์เจนซินี ย้ำว่า ถึงแม้สภาพอากาศสุดขั้วในสหรัฐที่เกิดจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ จะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอันตรายต่าง ๆ แต่ความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ มนุษย์เองก็เป็นปัจจัยตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ “อันตราย” เหล่านั้นยกระดับแปรเปลี่ยนเป็น “หายนะ” ที่รุนแรงยิ่งขึ้น