การผิดนัดชำระหนี้ในอดีต
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ ลองพิจารณาสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ที่เคยผิดนัดชำระหนี้ในอดีต ผลที่ตามมาที่พบบ่อย ได้แก่
1.การลดค่าสกุลเงินโดยตั้งใจ เมื่อประเทศไม่สามารถชำระหนี้ได้ สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะทำ คือพิมพ์เงินจำนวนหนึ่งเพื่อจ่ายคืน แต่กระบวนการนี้กลับทำให้สกุลเงินนั้นอ่อนค่าลง และผลที่ตามมาอาจค่อนข้างรุนแรง เพราะจะนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูง
ตัวอย่างเช่น
2.การปรับโครงสร้างหนี้ หากรัฐบาลตัดสินใจที่จะไม่ลดค่าเงินหลังจากผิดนัดชำระหนี้ รัฐบาลก็มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศ มี 2 วิธีหลัก :
ทั้งนี้ การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าทั้งวิธีขอส่วนลดหนี้ และการกำหนดเวลาชำระหนี้ใหม่ "ให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างกัน"
3.มาตรการรัดเข็มขัด เมื่อรัฐบาลไม่สามารถใช้จ่ายในระดับปัจจุบันต่อไปได้ มาตรการรัดเข็มขัด เช่น การเพิ่มภาษีและการลดการใช้จ่ายมักจะตามมา แม้มาตรการเหล่านี้จะไม่เป็นที่นิยมทางการเมือง แต่หลายครั้งก็มีความจำเป็น เพื่อให้ประเทศกลับมามาวินัยทางการเงินในสภาวะคับขัน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อาจไม่โดนกระทบมาก
แม้ว่าการอ่อนค่าค่าเงินดอลลาร์ จะเป็นผลที่อาจเกิดขึ้นหลังการผิดนัดชำระหนี้ แต่สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ เนื่องจากสหรัฐเป็น "เจ้าของสกุลเงินสำรองของโลก" ดังแผนภูมินี้จาก Cullen Roche แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าการอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐจะลดลงเล็กน้อยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นสกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก และไม่มีเงินสกุลไหนขึ้นมาทดแทน
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่าผลของการผิดนัดชำระหนี้ "จะไม่มีผลต่อสหรัฐมากอย่างที่คิด" ซึ่งเวลานี้ก็ไม่มีข้อมูลในอดีตมาอ้างอิงได้ เพราะสหรัฐไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้นเราจะต้องรอดูว่าสิ่งต่าง ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร
แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่แผนภูมินี้แสดงให้เห็น ค่าใช้จ่ายในการประกันการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า (US 5-Year CDS) อยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
โอกาสที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้
ในทางทฤษฎี ความน่าจะเป็นของการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ "ควรใกล้เคียงกับศูนย์" ดังที่ “อลัน กรีนสแปน” อดีตประธานเฟด เคยให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ เมื่อปี 2554 ว่า
“สหรัฐอเมริกาสามารถจ่ายหนี้ใด ๆ ได้เพราะเราสามารถพิมพ์เงินเพื่อทำเช่นนั้นได้เสมอ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะผิดนัดเป็นศูนย์”
ในทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แตกต่างจากการปฏิบัติทางการเมืองอย่างมาก ความจริงแล้ว สหรัฐสามารถพิมพ์เงินได้ตามต้องการ แต่ปัญหาอุปสรรคทางการเมืองอาจทำให้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
บรรดานักวิเคราะห์ เชื่อว่า สหรัฐอาจประสบปัญหา "ผิดนัดชำระทางเทคนิค" คือสามารถชำระพันธบัตรตามกำหนดเวลา แต่ยังไม่ชำระเงินสำหรับภาระหน้าที่อื่นๆในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้น "ประชาชนทั่วไปต้องเตรียมรับแรงกระแทก" เช่น
จากสถานการณ์ทางการเมืองในวอชิงตัน ดูเหมือนว่าโอกาสประนีประนอมอาจทำไม่ได้ และกระทรวงการคลังสหรัฐ จะต้องจัดลำดับความสำคัญของการจ่ายพันธบัตรมากกว่าภาระหน้าที่อื่นๆของรัฐบาล เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ หากสหรัฐประสบกับการผิดนัดชำระหนี้จริง ๆ ในที่สุดแล้วรัฐบาลสหรัฐก็จะพิมพ์เงินออกมาและมอบให้กับผู้ถือหุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ย
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ใครๆ ก็ชอบใช้เงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ใช่เงินของตัวเอง
ที่มา ofdollarsanddata.com