ระดับเงินคงคลัง ของสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำจนเป็นอันตราย และเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่วอชิงตันรอจนถึงนาทีสุดท้ายเพื่อเพิ่มเพดานหนี้
ตามข้อมูลของรัฐบาลกลาง ล่าสุด ณ สิ้นวันทำการ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐมีเงินสดเหลือเพียง 38,8000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์จากเมื่อต้น พ.ค.เดือน ทำให้ใกล้แตะระดับต่ำสุดที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ เข้าขั้นน้อยกว่ามหาเศรษฐีโลก 31 คน
รายงานของ Bloomberg Billionaires Index พบว่า มีมหาเศรษฐี 31 คนที่มีเงินสดมากกว่ารัฐบาลกลาง ได้แก่
1.เจ้าพ่อแฟชั่น “เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์” ประธานบริษัท LVMH สินค้าแฟชั่น แบรนด์หรูระดับโลก มูลค่าสุทธิประมาณ 1.93 แสนล้านเหรียญ
2. "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และซีอีโอ Twitter มูลค่าสุทธิ 1.85 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
3. "เจฟ เบซอซ" ผู้ก่อตั้ง Amazon มีมูลค่าสุทธิ 1.44 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังรายชื่อมหาเศรษฐีอื่นๆ ที่มีเงินสดรวมมูลค่าแล้ว มากกว่าเงินรวมรัฐบาลลุงแซม ได้แก่ "ไมเคิล เดล" ซีอีโอ Dell, "วอร์เรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนระดับตำนาน และ "มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" ผู้ร่วมก่อตั้ง เฟสบุ๊ก
รวมถึงมหาเศรษฐีที่ไม่ค่อยออกสื่อ เช่น มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส "ฟรองซัวส์ ปิโนลต์" เจ้าของ Kering Group ดูแลแบรนด์หรูอย่าง Gucci, Saint Laurent และ "อลัน เวอร์เทียเมอร์" ประธานบริหารแบรนด์ Chanel
ขณะที่ ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” และ ประธานสภา “เควิน แมคคาร์ธี” ได้บรรลุข้อตกลง 2 ฝ่ายเพื่อขยายเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568
หากสภาคองเกรส "ไม่เห็นชอบ" เรื่องเพิ่มเพดานหนี้ ภายในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ สหรัฐ "อาจเผชิญหายนะ" เหมือนดังที่ “เยเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีคลัง เคยเตือนว่า
"รัฐบาลจะมีเงินไม่เพียงพอที่จะชำระภาระผูกพันทั้งหมดของประเทศอย่างครบถ้วนและตรงเวลา และจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจประเทศ และทั่วโลก"