กงสุลใหญ่ฯเร่งช่วย "คนไทย" ประสบภัยไฟป่าครั้งใหญ่ที่ฮาวาย

สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานวานนี้ (12 ส.ค.) ระบุ มี ชุมชนคนไทยบนเกาะเมาวี มลรัฐฮาวาย ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์ไฟป่า ในเมืองลาไฮนา ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ 8 ส.ค.แต่ยังไม่มีรายงานคนไทยเสียชีวิตจากภัยพิบัติเลวร้ายครั้งนี้ ด้านสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส กำลัง ประสานความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน

นางจงกลนีย์ นิชิมูระ อายุ 60 ปีเจ้าของร้านนวดไทย Banyan Tree Spa ในเมืองลาไฮนา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย กล่าวกับวีโอเอภาคภาษาไทยว่า ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ มีลมพัดแรงจากพายุเฮอร์ริเคนและทำให้ไฟฟ้าดับ จึงตัดสินใจพาครอบครัวพร้อมสามีที่เป็นโรคพาร์กินสันออกจากพื้นที่ ก่อนจะทราบภายหลังว่า บ้านพักที่อยู่อาศัย และอาคารที่ตั้งธุรกิจร้านนวดแผนไทยของเธอ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถูกไฟไหม้จนเสียหายหมดทั้งสองแห่ง

ตัวเธอเองขณะนี้ไปอาศัยกับพี่ชายที่เมืองไวลูกู (Wailuku) ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 30 กิโลเมตร บนเกาะเมาวี เธอกล่าวว่า ภัยพิบัติครั้งนี้เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต และยังไม่ทราบว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร สิ่งของทุกชิ้นไม่ได้ติดตัวมาด้วย แม้แต่เสื้อผ้าก็ต้องขอรับบริจาคจากคนอื่น

เช่นเดียวกับธุรกิจร้านนวดและสปาของนางสุวภา แสนสุภา ที่เปิดมาได้ 7 ปี ซึ่งมีบริเวณที่ตั้งใกล้เคียงกันก็ได้รับความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้ทั้งหมดเช่นกัน

คนไทยอีกคนที่ประสบภัย คือทัศนีย์ เปรมปรีดิ์ ยัง เธอเป็นชาวไทยที่อาศัยในเกาะเมาวี และเป็นผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กชมรมคนไทยในหมู่เกาะเมาวี รัฐฮาวาย Thai Community Of Maui ที่ใช้ประสานงานระหว่างชาวไทยด้วยกัน เปิดเผยกับวีโอเอภาคภาษาไทยว่า ขณะนี้กลุ่มคนไทยในรัฐฮาวายได้รวมตัวประสานงานช่วยเหลือคนไทยที่ประสบความเดือดร้อนประมาณ 30 ราย โดยได้ระดมทุนบริจาคทั้งเงิน อาหารและเสื้อผ้า เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวไทยในเบื้องต้น และยังคงเปิดรับอย่างต่อเนื่อง

วีโอเอรายงานว่า นายต่อ ศรลัพม์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ประสานกับนาย โคลิน มินยาบาระ กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยที่เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย และเจ้าหน้าที่โครงการ เวิร์คแอนด์ทราเวิล (Work and Travel) และเปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่ามีคนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาะเมาวี รัฐฮาวายได้รับผลกระทบจำนวนหนึ่ง รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาไทยที่เดินทางมาร่วมโครงการจำนวน 12 คน พบว่าทุกคนยังปลอดภัยดีและพำนักอยู่ในที่ปลอดภัย และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานคนไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟป่าในครั้งนี้

นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ยังได้ประสานชุมชนไทยในพื้นที่ โดยทราบว่ามีคนไทยจำนวนหนึ่งได้อพยพไปอยู่ในศูนย์ที่พักฉุกเฉินของทางการเรียบร้อยแล้ว และบางส่วนได้ย้ายไปพำนักในบ้านเพื่อนในที่ปลอดภัย โดยได้แจ้งให้ชุมชนไทยในพื้นที่ประสานด้านข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ขาดการติดต่อให้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ทราบอีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ตั้งกลุ่มไลน์เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อและการประสานให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องรวมถึงติดต่อโครงการฯ และ หากมีผู้ที่ประสงค์จะติดตามญาติพี่น้องที่อาจจะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสามารถติดต่อ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ทางไลน์ไอดี @thaiconsulate.la

ภัยพิบัติไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในสหรัฐ

สำหรับข้อมูลอัปเดตภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าบนเกาะเมาวี ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับสองของรัฐฮาวายในขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าครั้งนี้ (ข้อมูล ณ 12 ส.ค.) มีไม่ต่ำกว่า 89 คน การค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป โดยสำนักงานบริหารฉุกเฉินกลางสหรัฐ หรือ FEMA เผยว่า อาจต้องใช้งบถึง 6,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างพื้นฐานและอาคารต่างๆที่ได้รับความเสียหาย  

สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐฮาวายที่ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไฟป่าเกาะเมาอีอาจจะสูงขึ้นกว่านี้มาก เพราะขณะนี้ยังมีผู้สูญหายที่ไม่ทราบชะตากรรมอยู่อีก 1,000 คน

การเพิ่มขึ้นของตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นท่ามกลางการเร่งทำงานเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินรัฐบาลกลางสหรัฐที่เข้ามาช่วยพร้อมขวานและสุนัขกู้ภัย พวกเขาต้องเดินท่องไปตามพื้นที่ไฟป่าเพื่อค้นหาร่างของผู้เสียชีวิตในกองเพลิง เชื่อว่ายังอาจมีอีกหลายร่างที่ติดอยู่ในกองซากปรักหักพังของบ้านเรือนตัวเองที่ถูกไฟเผาผลาญ

นายจอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย กล่าวยืนยันเมื่อวันเสาร์ (12 ส.ค.) ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนตัวเลขผู้สูญหายขณะนี้มีสูงถึง 1,000 คน

รายงานข่าวระบุว่า ไฟป่ารัฐฮาวายครั้งนี้กลายเป็นไฟป่าที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ของสหรัฐอเมริกา แซงหน้าไฟป่าแคมป์ไฟร์ (Camp Fire) ทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2018 ที่ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 85 คน

ชนวนเหตุของไฟป่าครั้งนี้ มาจากจากอิทธิพลของกระแสลมแรงจากเฮอริเคน “ดอรา” ที่แม้เคลื่อนตัวอยู่ห่างจากเกาะฮาวายหลายร้อยกิโลเมตร และไม่เคลื่อนตัวพาดผ่านเกาะฮาวาย แต่ส่งผลให้เกิดไฟป่าโหมกระหน่ำ และลุกลามเข้าสู่เมืองลาไฮนา ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองเก่าและเป็นเมืองท่าตากอากาศ สภาพที่เห็นทางอากาศในขณะนี้ พบว่าไฟได้เผาทำลายทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลอง

FEMA ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไฟป่าครั้งนี้ อยู่ที่ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 192,885 ล้านบาท โดยบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างในเมืองลาไฮนา ได้รับความเสียหายมากกว่า 2,200 อาคาร

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ประกาศให้รัฐฮาวายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากไฟป่าครั้งนี้ เพื่อระดมความช่วยเหลือจากส่วนกลาง คือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และ FEMA ให้เข้าสู่พื้นที่ประสบภัยพิบัติโดยเร็วที่สุด

ที่มา: วีโอเอ/ เอพี