ภารกิจเยือนประเทศรัสเซีย อย่างเป็นทางการเป็นเวลา 6 วันของ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ สิ้นสุดลงท่ามกลางการจับตามองของทั่วโลกเรื่องการทำข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับรัสเซีย แต่อีกหนึ่งประเด็นที่ผู้คนพูดถึงอย่างมากคือการเดินทางครั้งนี้ของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เป็นการเดินทางด้วย “รถไฟส่วนตัว” ซึ่งเป็น รถไฟหุ้มเกราะกันกระสุนและระเบิด นำท่านผู้นำสู่จุดหมายปลายทาง สถานีเปียงยาง-อาร์ตีออม ซึ่งเป็นเมืองในภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ไม่ห่างจากเมืองท่าวลาดิวอสต็อก (Vladivostok) เท่าใดนัก
รถไฟหุ้มเกราะส่วนตัวที่ไม่มีใครเหมือน
รถไฟหุ้มเกราะสีเขียวเข้มคาดแถบสีเหลืองผลิตในกรุงเปียงยาง เป็นพาหนะเดินทางประจำตัวผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ยุคของผู้นำคนก่อนๆแล้ว กล่าวได้ว่ามันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีคิม จอง อิล (พ่อของคิม จอง อึน) และคิม อิล ซุง (ปู่ของเขา)
กล่าวกันว่า ในสมัยของผู้นำคิม จอง อิล ผู้พ่อ ซึ่งครองอำนาจยาวนานถึง 17 ปี เขาเดินทางไปต่างประเทศเพียงสิบกว่าครั้งเท่านั้นเพราะไม่ต้องการเดินทางด้วยเครื่องบิน (ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย) และส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็เป็นการเดินทางด้วยรถไฟไปประเทศจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรอันเหนียวแน่นของเกาหลีเหนือนั่นเอง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในยุคของคิม จอง อึน รถไฟหุ้มเกราะกลายมาเป็นพาหนะส่วนตัวของเขาหลังจากที่ได้รับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2011 (พ.ศ.2554) เนื่องจากการเดินทางของนายคิม จอง อึน มักจะเป็นคณะใหญ่ มีทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมาก ไหนจะทีมเตรียมการด้านอาหารของท่านผู้นำและคณะ ดังนั้น การเดินทางด้วยรถไฟจึงให้ความสะดวกสบาย มีพื้นที่กว้างขวาง และสามารถใช้เป็นวอร์รูมสำหรับการปรึกษาเตรียมการประเด็นต่างๆ ก่อนการประชุมจริงเมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง และเนื่องจากเป็นรถไฟหุ้มเกราะ จึงมีความปลอดภัยสูง
นับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่ง เขาเคยใช้พาหนะส่วนตัวนี้ เดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการมาสามประเทศแล้ว คือการเดินทางเยือนจีน (ในปี 2018) เวียดนาม (2019) และรัสเซียในทริปก่อนครั้งล่าสุดนี้เมื่อปี 2019 อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองเกาหลีเหนือระบุว่า รถไฟของท่านผู้นำไม่ได้มีเพียงขบวนเดียว ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ละขบวนจะมีตู้โดยสาร 10-15 ตู้ ตกแต่งอย่างหรูหราสำหรับท่านผู้นำ แต่แน่นอนว่าตู้โดยสารส่วนหนึ่งจัดเป็นพิเศษสำหรับหน่วยรักษาความปลอดภัยและหน่วยแพทย์-พยาบาล
ข่าวระบุว่า ความเร็วของรถไฟหรูนี้วิ่งได้ที่ 37- 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากระบบรางของเกาหลีเหนือนั้นทรุดโทรมผ่านการเวลามายาวนาน นอกจากนั้นด้วยความเป็นรถไฟหุ้มเกราะจึงมีน้ำหนักมากกว่ารถไฟทั่วไปด้วย การเดินทางจากกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ ไปยังมณฑลทางภาคตะวันออกของรัสเซียใช้เวลาเดินทางราว 20 ชั่วโมง
จากบันทึกของนายคอนสแตนติน พูลิคอฟสกี เจ้าหน้าที่รัสเซียที่เคยติดตามนายคิม จอง อิล อดีตผู้นำของเกาหลีเหนือ บิดาของนายคิม จอง อึน ผู้นำคนปัจจุบัน ขณะเดินทางไปเยือนรัสเซียเป็นเวลา 3 สัปดาห์เมื่อครั้งอดีต ระบุว่า ภายในรถไฟนั้นตกแต่งอย่างหรูหราและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารเลิศรส เช่นกุ้งลอบสเตอร์นำเข้า และไวน์ฝรั่งเศสชั้นเลิศ นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้นำ จะมีรถไฟขบวนนำหน้าวิ่งล่วงหน้าไปก่อนเพื่อตรวจตราความปลอดภัยของเส้นทาง ขณะอีกขบวนที่บรรทุกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะวิ่งตามหลัง นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบิน คอยบินประกบเพื่อดูแลความปลอดภัยจากทางอากาศด้วย
ด้านสื่อของเกาหลีใต้ให้ข้อมูลว่า รถไฟประจำตำแหน่งของผู้นำเกาหลีเหนือติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย มีทีวีจอแบน ที่ช่วยให้เขาสามารถรับข้อมูลข่าวสารและออกคำสั่งได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม นายคิม จอง อึน ซึ่งปัจจุบันอายุ 39 ปี ถือเป็นผู้นำยุคใหม่ของเกาหลีเหนือ เขาได้รับการศึกษาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยกว่าผู้นำคนก่อนๆ แต่ก็เมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยเขามีเครื่องบินส่วนตัวเช่นกัน เป็นเครื่องบินรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องบิน Ilyushin-62 หรือ IL-62 ของสหภาพโซเวียต เรียกว่า Chammae-1ซึ่งเป็นชื่อเรียกนกเหยี่ยวประจำชาติของเกาหลีเหนือ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ราว 200 คน บินระยะไกลสูงสุดที่ 9,200 กิโลเมตร แต่ข่าวระบุว่าเอาเข้าจริง เขาก็ไม่เคยบินระยะไกลขนาดนั้น
การเยือนต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ภารกิจในต่างประเทศครั้งนี้ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขาในรอบกว่าสี่ปี โดยนายคิม จอง อึน ได้พบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) และเยี่ยมชมศูนย์เทคโนโลยีและฐานทัพสำคัญหลายแห่ง จากนั้นในวันเสาร์ (16 ก.ย.) เขายังเดินทางไปยังสนามบินแห่งหนึ่งใกล้เมืองวลาดิวอสต็อค เพื่อชมเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย และเครื่องบินรบอื่น ๆ ที่ใช้อยู่ในสงครามยูเครน เช่น Tu-160, Tu-95 และ Tu-22 ที่สามารถติดขีปนาวุธพิสัยไกลได้ รวมทั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ที่ติดตั้งกับเครื่องบินรบไอพ่น MiG-31
นายคิมและนายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ยังเดินทางต่อไปยังเมืองวลาดิวอสต็อค เพื่อเยี่ยมชมเรือรบของกองทัพเรือรัสเซีย โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีเหนือและผู้บัญชาการกองทัพเรือและกองทัพอากาศของเกาหลีเหนือร่วมเดินทางไปด้วย
แม้ว่าช่วงเช้าวันอาทิตย์ (17 ก.ย.) นายคิมจะได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยฟาร์ อีสต์ เฟดเดรัล (Far Eastern Federal University) และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำพริมอร์สกี (Primorsky Aquarium) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซียเพื่อชมการแสดงของวาฬเบลูกา โลมา แมวน้ำ และวอลรัส ก่อนเดินทางกลับกรุงเปียงยาง แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเยือนสถานที่ต่าง ๆ ในรัสเซียของผู้นำเกาหลีเหนือครั้งนี้ ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกรุงเปียงยางต้องการความร่วมมือด้านอาวุธจากมอสโก ซึ่งอาจรวมถึงการแลกเปลี่ยนกระสุนปืนใหญ่ที่รัสเซียต้องการ กับอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ของรัสเซีย หรืออาจรวมถึงเทคโนโลยีดาวเทียมและขีปนาวุธของกองทัพรัสเซียด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าความร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย น่าจะรวมถึงการช่วยพัฒนากองทัพอากาศของเกาหลีเหนือให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น เนื่องจากเครื่องบินรบที่เปียงยางใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่มาจากสมัยทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งที่รัสเซียยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
ก่อนกลับผู้นำเกาหลีเหนือยังได้รับของขวัญจากฝ่ายรัสเซีย เป็นเสื้อเกราะกันกระสุนที่เน้นป้องกันบริเวณหน้าอก ไหล่ คอ และขาหนีบ มีคุณสมบัติพิเศษคือ น้ำหนักเบากว่าชุดเกราะทั่วไป และ “โดรนกามิกาเซ” 5 ลำ พร้อมเสื้อผ้าชุดพิเศษที่ถ่ายด้วยกล้องจับความร้อนไม่ได้ เป็นอีกหนึ่งของขวัญเพิ่มเติม
ข้อมูลอ้างอิง