แกะรอย “เศรษฐกิจอิสราเอล” ยังยืนเหนือ ? ท่ามกลางไฟสงครามฉนวนกาซา

25 ต.ค. 2566 | 02:05 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ต.ค. 2566 | 02:24 น.

แกะรอย “เศรษฐกิจอิสราเอล” ยังยืนเหนือหรือไม่ นโยบายเศรษฐกิจอิสราเอลตอบสนองต่อภาวะสงครามอย่างไร ท่ามกลางไฟสงครามฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ

สงครามอันขมขื่นระหว่าง "อิสราเอล-ฮามาส" ยังคงยืดเยื้อจากการโจมตีที่ไม่คาดคิด ความเสียหายต่อเศรษฐกิจของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เป็นคำถามว่าผลกระทบที่เป็นไปได้กับเศรษฐกิจอิสราเอลจะเป็นอย่างไร

อิสราเอลถูกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มฮามาส นับเป็นการโจมตีพลเรือนที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ในช่วงสองสัปดาห์นับจากนั้น กองทัพอิสราเอลก็ได้ทิ้งระเบิดทำลายล้างในฉนวนกาซา 

“สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่เป็นความห่วงใยครอบครัวของทหาร ผู้บาดเจ็บ และเชลย ความสูญเสีย ซึ่งยากที่จะทำใจเข้าใจว่าสงครามเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศที่มีอำนาจอย่างอิสราเอลได้อย่างไร แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะ”

ศาสตราจารย์ ลีโอ ไลเดอร์แมน หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจที่ ธนาคาร Bank Hapoalim และศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ แถลงข่าวการฟื้นฟูเศรษฐกิจและซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากสงคราม

ยิ่งสงครามยืดเยื้อ ยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ผลกระทบของสงครามต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ระยะเวลาและลักษณะของสงครามจะมีผลต่อความลึกของความเสียหายต่อเศรษฐกิจ การศึกษาจำนวนมากรวมถึงประสบการณ์ในอดีตบ่งชี้ว่า ยิ่งสงครามยืดเยื้อ ยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้น

เมื่อพิจารณาผลที่ตามมาของสงครามกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะประมาณการเชิงปริมาณถึงผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 และ 2568 แต่ก็มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการสูญเสียการเติบโต และผลผลิตในอดีต

เช่น สงครามยมคิปปูร์ สงครามเลบานอน อินฟาดาส การปฏิบัติการทางทหารต่างๆ (Yom Kippur War, the Lebanon War, two intifadas, various military operations) และโควิด แต่สงครามครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม เป็นสถานการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ตั้งแต่สงครามระยะสั้นสู่สถานการณ์ฝันร้ายของสงครามที่ยืดเยื้อซึ่งมีภาคส่วนเพิ่มเติมเข้ามาเกี่ยวข้อง

ความขัดแย้งในอดีตอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีต่อเส้นทางเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศลดลงมากถึง 0.5% ในสงคราม 34 วันกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในปี 2549 เนื่องจากการส่งออกลดลงและการผลิตชะลอตัว แต่การฟื้นตัวตามมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แตกต่างออกไป 

เศรษฐกิจเกือบ 500,000 ล้านดอลลาร์ของอิสราเอล ซึ่งมีการพัฒนามากที่สุดในตะวันออกกลางด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการท่องเที่ยว อยู่ในเกณฑ์ดีเกือบทั้งปี 2566 การเติบโตมีแนวโน้มแตะ 3% ในปีนี้ โดยมีอัตราการว่างงานต่ำ แต่จากการรุกรานฉนวนกาซาทางภาคพื้นดินที่ใกล้เข้ามาแล้ว และสงครามที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นความขัดแย้งในภูมิภาค

ลดอันดับความน่าเชื่อถือ 

หน่วยงานจัดอันดับได้เตือนแล้วว่าสามารถลดระดับการประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิตของประเทศได้

ล่าสุด สำนักข่าวบลูกเบิร์ก รายงานว่า S&P Global Ratings มีแนวโน้มลดเครดิตของอิสราเอลลงเหลือติดลบ โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่สงครามกับกลุ่มฮามาสอาจแพร่กระจายในวงกว้างมากขึ้นและส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าที่คาดไว้

ก่อนหน้านี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 หากความขัดแย้งยืดเยื้อเป็นเวลานานขึ้น รุนแรงมากขึ้น และลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบาย การคลังสาธารณะ (public finance) และเศรษฐกิจของอิสราเอล

เทคโนโลยีขั้นสูง

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งเจริญรุ่งเรืองในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด กำลังดิ้นรน โดยปกติแล้วจะคิดเป็น 18% ของ GDP ของอิสราเอลและครึ่งหนึ่งของการส่งออกทั้งหมด

บริษัท Fintech ThetaRay พนักงาน 12 คนจากทั้งหมด 80 คน ในอิสราเอลถูกเกณฑ์เข้าอยู่ในกองหนุน บางคนมีลูกจากโรงเรียนกลับบ้าน และยังคงมีความกลัวไฟจรวดอยู่ตลอดเวลา ThetaRay ได้จัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กช่วงกลางวันสำหรับพนักงานที่ต้องการพาเด็กเข้ามาและต้องอาศัยสำนักงานในต่างประเทศเพื่อดูแลภาระงานบางส่วน

Israel Innovation Authority ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐกล่าวว่า มีการเรียกพนักงานด้านเทคโนโลยีขั้นสูงประมาณ 10-15% เพื่อทำหน้าที่1 ทหารสำรอง

วิกฤติทางอารมณ์

รัฐบาลอิสราเอลให้คำมั่นว่าจะใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนสงคราม มีการคาดการณ์ว่าสงครามจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันอย่างมากในปีต่อไป สำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์ กระสุน และระบบขั้นสูงตามความต้องการใหม่ การสำรองกำลังพล เมื่อพิจารณาจากระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันทั่วโลก ต้นทุนในการชำระหนี้สาธารณะตามสัดส่วนของ GDP จะเพิ่มขึ้น รายได้ของรัฐจากการเก็บภาษีจะลดลงและ ขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันทหารกองหนุนหลายแสนคนถูกเรียก อาจทำให้เกิดช่องว่างด้านกำลังคน รวมทั้งทำให้ห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตต้องหยุดชะงัก ในขณะที่ผู้ค้าปลีกกำลังเลิกจ้างพนักงาน สกุลเงินเชเกลอิสราเอลตกต่ำลง

วิกฤติการทางอารมณ์ในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล ผู้คนจะลดการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคลง เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ความเสียหายต่อเศรษฐกิจอาจมีนัยสำคัญ

การท่องเที่ยว การพาณิชย์ บริการขนส่ง ความบันเทิง และร้านอาหารก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน เช่นเดียวกับการแพร่ระบาดของโควิด ธุรกิจอิสระ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางก็อาจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่ดำเนินธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง

ล่าสุด ธนาคารแห่งอิสราเอลได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 เหลือ 2.3% จาก 3% และลดเหลือ 2.8% จาก 3.0% ในปี 2567 โดยคาดว่าสงครามจะคลี่คลายทางตอนใต้บริเวณชายแดนกาซาได้ในไตรมาสที่ 4

สถิติการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล

ในภาวะปกติสถิติการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล จะเห็นได้ว่า มีแนวโน้มที่ดีมาก มูลค่าการส่งออกไทยมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงทุกปี ในปี 2564 อัตราขยายตัว ร้อยละ 41 ในปี 2565 ร้อยละ 14 และ ในปี 2566 (มค.-ส.ค.) ร้อยละ 12.62

ในภาวะสงครามยืดเยื้อกว่าครั้งที่ผ่านมา ผลจากการเข้าสู่ภาวะสงครามครั้งนี้เศรษฐกิจอิสราเอลถดถอยและได้รับความเสียหายแน่นอน แม้ว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเข้มแข็งยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าทันสมัย ดังนั้น หากสงครามยุติได้เร็ว ก็คาดว่าอิสราเอลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วมาก

ที่มาข้อมูล