ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวานนี้ (20-23 ต.ค.) กองกำลังกลุ่มฮามาส ได้ทยอย ปล่อยตัวประกัน ที่จับไปนับตั้งแต่เปิดศึกกับ อิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ได้รับอิสระแล้ว 4 คน โดยเป็นผู้หญิงทั้งหมด สองคนแรกเป็นแม่ลูกชาวอเมริกัน ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันศุกร์ (20 ต.ค.) และอีกสองคนเป็นสตรีสูงวัยชาวอิสราเอล ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันจันทร์ (23 ต.ค.) นับเป็นสัญญาณที่ดี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมานี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวประกันราว 200 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม หลังการโจมตีข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,400 คน (ในส่วนของอิสราเอล)
กองกำลังของกลุ่มฮามาส แถลงเมื่อวันจันทร์ (23 ต.ค.) ว่า ได้ปล่อยตัวประกันเพิ่มเติมเป็นสตรีชาวอิสราเอลสองคนเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพของพวกเธอ นายอาบู อูไบดา โฆษกกองกำลังฮามาส ระบุทางสื่อโซเชียลมีเดีย “เทเลแกรม” ว่า พวกเขาตัดสินใจปล่อยพวกเธอทั้งสองคนเนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรมและสุขภาพ
แหล่งข่าวระบุว่า สตรีชาวอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว มีชื่อว่า นูริต คูเปอร์ และ โยเชเวด ลิฟชิตซ์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (20 ต.ค.) กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวสตรีชาวอเมริกันคู่แรก คือ จูดิธ และนาตาลี รานาน ทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน และขณะนี้ทั้งสองคนได้เดินทางถึงสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว
ท่าทีของกลุ่มฮามาสที่เริ่มปล่อยตัวประกันซึ่งแม้จะเป็นส่วนน้อย (ของราว 200 คนที่ถูกจับไป) แต่ก็ยังนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ทางการสหรัฐอเมริกา โดยทำเนียบขาวได้แนะนำให้อิสราเอลชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซาออกไปก่อน
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทำเนียบขาว เพนตากอน(กระทรวงกลาโหม) และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ต่างก็ร้องขอไปยังอิสราเอลให้ชะลอการโจมตีภาคพื้นดินเอาไว้ก่อน เพื่อซื้อเวลาในการเจรจาเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันออกมาเพิ่มขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงหยุดยิง ปธน.ไบเดนตอบว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการปล่อยตัวประกันออกมาเสียก่อน
แม้ว่าทางกลุ่มฮามาสจะอ้างเรื่องมนุษยธรรมและสุขภาพของตัวประกันสองคนล่าสุดที่ได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก ขณะที่การปล่อยตัวประกันแม่ลูกสองคนแรกที่เป็นชาวอเมริกัน เป็นการปล่อยตัวผ่านการเจรจาไกล่เกลี่ยของผู้นำประเทศกาตาร์ และด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเช่นกัน
“เราทำด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม และเพื่อพิสูจน์ให้ชาวอเมริกันและทั่วโลกเห็นว่าคำกล่าวของไบเดน และรัฐบาลฟาสซิสต์ของเขาเป็นความเท็จและไม่มีมูล” อาบู อูไบดา โฆษกของกลุ่มกองกำลังฮามาสกล่าวในแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้ กองทัพบกอิสราเอลมีแถลงการณ์ระบุว่า ตัวประกันส่วนใหญ่ที่ถูกจับไปยังคงมีชีวิตอยู่ และนายมาร์ค เรเจฟ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ก็กล่าวกับสำนักข่าว CNN ในทิศทางเดียวกันว่า “เราพูดในสิ่งที่เราทราบ พวกเขา (ตัวประกัน) ยังมีชีวิตอยู่”
ทั้งนี้ การปิดล้อมฉนวนกาซาครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ถูกสังหารไป 1,400 คน ซึ่งส่วนมากเป็นพลเรือน และมีอีกราว 200 คนที่ถูกจับไว้เป็นตัวประกัน
อิสราเอลประกาศว่าจะกวาดล้างกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้ควบคุมพื้นที่ฉนวนกาซาที่มีชาวปลาเลสไตน์อาศัยอยู่ราว 2.3 ล้านคน ตามมาด้วยการยิงระดมถล่มพื้นที่ด้วยการโจมตีทางอากาศ และปิดล้อมไม่ให้มีการส่งอาหาร เวชภัณฑ์ และเชื้อเพลิงเข้าไปในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตามล่าสุด รัฐบาลอียิปต์ได้ยินยอมเปิดด่านชายแดนให้มีการลำเลียงอาหาร เวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็นผ่านเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกาซาที่กำลังประสบภัยสงครามแล้ว