ตอนหนึ่งของ สุนทรพจน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2024 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ระบุว่า จีน จะดำเนินการปฏิรูปในเชิงลึกยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยจีนจะส่งเสริม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว
"เราต้องปฏิรูปเชิงลึกอย่างครอบคลุมและเปิดกว้างประเทศ สร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความพยายามในการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงบ่มเพาะผู้มีความสามารถ" ปธน.สีระบุ
ในโอกาสนี้ ผู้นำจีนยอมรับว่า กลุ่มธุรกิจจีนกำลังเผชิญความยากลำบากและประชาชนหางานทำยาก "ผู้ประกอบการบางส่วนเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก ประชาชนบางส่วนเผชิญความลำบากในการหางานทำและตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ประกาศหลากหลายมาตรการเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังผ่านพ้นช่วงโควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่เคยคาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากถูกกดดันโดยภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่ตกต่ำ ความเสี่ยงเรื่องหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น และเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบชะลอตัว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวบรรลุเป้าหมายอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 5% ในปี 2566 และ จีนมีแนวโน้มจะคงเป้าหมายเศรษฐกิจเท่าเดิมในปีนี้ (2567)
ขณะเดียวกัน ปธน.สีได้เน้นย้ำเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือไต้หวัน โดยระบุว่าไต้หวันจะกลับมารวมกับจีนอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นถ้อยคำที่แข็งกร้าวขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว โดยเวลานั้นผู้นำจีนระบุว่า ไต้หวันเป็นครอบครัวเดียวกับจีน
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนตลอดช่วง 4 ปีข้างหน้า
ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวันได้กล่าวขณะอวยพรในวันปีใหม่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนนั้นขึ้นอยู่กับ “ความต้องการของชาวไต้หวัน” โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลของปธน.ไช่ ได้ออกมาเตือนหลายครั้งว่า จีนพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งไต้หวัน