รัสเซียบุกถล่มเคียฟ "เซเลนสกี” ร้องชาติพันธมิตร ขอสนับสนุนเร่งด่วน  

23 มี.ค. 2567 | 00:15 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2567 | 00:25 น.

กองทัพรัสเซียระดมโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เพียงไม่กี่วันหลัง “ปูติน” คว้าชัยชนะจากการเลือกตั้ง "เซเลนสกี” เรียกร้องประเทศพันธมิตร ให้เร่งสนับสนุนความช่วยเหลือแก่ยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ช่วงปลายสัปดาห์ (21 มี.ค.) ระบุว่า เหตุการณ์สร้างความหวาดกลัวจากฝีมือ กองทัพรัสเซีย ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวันทุกคืน เขาเรียกร้องประเทศพันธมิตรทั้งหลายให้เร่งส่งความสนับสนุนช่วยเหลือยูเครน โดยเฉพาะการสนับสนุนด้าน ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ

ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า รัสเซียที่ทำตัวเสมือนผู้ก่อการร้าย ไม่ได้มีขีปนาวุธที่มีความสามารถเหนือไปกว่าระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐ และระบบชั้นนำอื่น ๆ ของโลกเลย ดังนั้น อาวุธเพื่อการปกป้องตนเองดังกล่าว คือสิ่งที่ยูเครนต้องการอย่างยิ่งในเวลานี้

นายเซเลนสกียังกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่กรุงเคียฟไปถึงเมืองคาร์คิฟ ซูมี เคอร์ซอน และโอเดสซา ไปจนถึงเขตปกครองดอแนตสก์ สิ่งที่ต้องการคือระบบต่อต้านขีปนาวุธ และความสนับสนุนจากชาติพันธมิตรก็คือสิ่งที่เป็นไปได้ “ถ้าหากหุ้นส่วนของเรา แสดงความมุ่งมั่นทางการเมืองมากพอ”

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน วอนพันธมิตรชาติตะวันตกเร่งส่งความช่วยเหลือ

"อาวุธเพื่อการปกป้องตนเอง คือสิ่งที่ยูเครนต้องการอย่างยิ่งในเวลานี้"

ด้านนายวิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ กล่าวผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม “เทเลแกรม” ว่า เศษชิ้นส่วนของจรวดที่รัสเซียยิงเข้ามา ตกลงในหลายพื้นที่ของเมืองเคียฟ และอาคารที่อยู่อาศัยหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทั้งยังเกิดเหตุเพลิงไหม้หลายจุดที่ถูกโจมตีด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งล่าสุดของรัสเซียอย่างน้อย 10 คน

การโจมตีกรุงเคียฟครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่นายเซเลนสกีได้ให้การต้อนรับนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ที่เดินทางเยือนกรุงเคียฟ และทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือประเด็นต่าง ๆ

ซากขีปนาวุธของรัสเซียที่ตกอยู่ในกรุงเคียฟ

สภาพความย่อยยับที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน

รายงานข่าวระบุว่า ซัลลิแวนพยายามทำให้ชาวยูเครนมั่นใจว่า สหรัฐอเมริกาจะเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป และแม้ว่าจะมีความล่าช้าในส่วนของสภาคองเกรสอยู่บ้าง แต่สหรัฐจะพยายามส่งความสนับสนุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนให้ได้

ในการแถลงข่าวที่กรุงเคียฟ นายซัลลิแวนยังกล่าวด้วยว่า แผนการอันดับแรก คือการผลักดันให้สมาชิกทั้งสองพรรคใหญ่ในสภาคองเกรสสหรัฐ ลงมติสนับสนุนกฎหมายงบประมาณช่วยเหลือยูเครนให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ เขายอมรับว่า กระบวนการดังกล่าว “ใช้เวลามากเกินไปแล้ว”

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว แถลงข่าวร่วมกับ อันดรี เยอร์มัค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของปธน.ยูเครน

นอกจากนี้ นายซัลลิแวนยังได้พบกับนายอันดรี เยอร์มัค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของประธานาธิบดียูเครน และมีการหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ยูเครนต้องการ เพื่อใช้ในสมรภูมิรบ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดสองงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่

  • การประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงวอชิงตัน ในเดือนกรกฎาคมนี้
  • การประชุมสุดยอดสันติภาพที่สวิตเซอร์แลนด์ที่ยังไม่มีกำหนดวันที่แน่นอนแต่น่าจะเกิดขึ้นภายในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง

นายเยอร์มัคยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมสุดยอดสันติภาพนั้น จีนที่เป็นพันธมิตรของรัสเซียสามารถเข้าร่วมได้ แต่ยูเครนจะไม่เชิญรัสเซีย

อัปเดตสถานการณ์สู้รบในปัจจุบัน

ตามรายงานฉบับล่าสุดของ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า รัสเซียได้สร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวในพื้นที่ของยูเครนที่ทางรัสเซียควบคุมได้แล้ว

รายงานดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากการสัมภาษณ์เหยื่อและพยานกว่า 2,300 คน ชี้ให้เห็นว่า กองกำลังของรัสเซียได้ประกาศให้มีการใช้ภาษารัสเซีย และระบบการปกครองพื้นฐานของรัสเซียในพื้นที่ที่ทางฝ่ายตนเข้ายึดครองไว้ได้ ขณะเดียวกันก็พยายามลบล้างอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของยูเครนในพื้นที่เหล่านั้นด้วย

 “การกระทำของรัสเซียได้สร้างรอยแตกร้าวในแก่นเนื้อของชุมชนต่าง ๆ และทำให้ปัจเจกบุคคลต้องถูกโดดเดี่ยว สร้างผลกระทบที่ฝังลึก และจะคงอยู่ไปอีกนานสำหรับสังคมโดยรวมของยูเครน” นายโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าว

รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ทำการควบคุมอาณาเขตของยูเครนบางส่วนอยู่ ได้ปิดระบบอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และสถานีวิทยุของยูเครน และได้เปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายของรัสเซีย ซึ่งทำให้มีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์และป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างเสรีจากแหล่งข่าวอิสระ ครอบครัวหรือเพื่อน นอกจากนี้ ประชาชนยังถูกเชิญชวนให้รายงานพฤติกรรมของกันและกัน ทำให้มีแต่ความหวาดระแวงกันเองว่า แม้แต่เพื่อนและเพื่อนบ้าน ก็อาจจะหันมาทำคิดร้ายต่อกันได้

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวง ที่ตกเป็นเป้าหมายการระดมโจมตีของรัสเซียแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆ ของยูเครนที่ถูกถล่มหนัก โดยข้อมูลของทางการยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 88 ลูก และปล่อยโดรน “ชาเฮด” 63 ลำ เข้าโจมตียูเครนในช่วงกลางดึกวันพฤหัสฯ ถึงเช้ามืดวันศุกร์ (21-22 มี.ค.) แต่ฝ่ายยูเครนก็สามารถสกัดขีปนาวุธของรัสเซียได้ 37 ลูก และสอยโดรนรัสเซียร่วง 55ลำ

แรงระเบิดจากการโจมตีทำให้เกิดหลุมใหญ่กลางกรุงเคียฟ

ไฟไหม้อาคารที่พักอาศัยหลายแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินของประชาชน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานระบุว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีโรงไฟฟ้าในเมืองคาร์คิฟ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างน้อย 15 ครั้งในเมืองดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีการโจมตีเขื่อนผลิตไฟฟ้าดนีโปรถึง 8 ครั้ง รัฐมนตรีพลังงานของยูเครนกล่าวว่า รัสเซียพยายามทำให้ระบบพลังงานของยูเครนเสียหายครั้งใหญ่ การโจมตีดังกล่าวทำให้เกิดไฟฟ้าดับวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อประชาชนยูเครนกว่า 1 ล้านคน

พลโทโอเลคแซนด์ ปาฟลิอุค ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของยูเครน กล่าวเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) ว่า รัสเซียกำลังระดมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายเพื่อเตรียมทำการโจมตีครั้งใหม่ต่อยูเครนในช่วงฤดูร้อนนี้ “ยังไม่แน่ชัดว่า กำลังทหารชุดใหม่ดังกล่าวจะเข้าประจำการที่ใด หรืออาจจะเป็นการทดแทนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา”