บัวแก้วยันพร้อมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผู้อพยพหนีภัยสงครามจากเมียวดี

20 เม.ย. 2567 | 10:24 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2567 | 10:44 น.

สถานการณ์สู้รบในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา บริเวณพื้นที่ชายแดนติดไทยด้านจังหวัดตาก ยังคงมีการปะทะต่อเนื่องระหว่างกลุ่มต่อต้านและกองทัพเมียนมา ทำให้มีชาวเมียนมาอพยพลี้ภัยข้ามชายแดนมากว่าพันคนแล้ว กระทรวงการต่างประเทศย้ำ ไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยวันนี้ (20 เม.ย.) ว่าตามที่ได้ เกิดเหตุปะทะ กันระหว่าง กลุ่มต่อต้าน และ กองกำลังของทหารเมียนมา บริเวณ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) ตรงข้ามอำเภอแม่สอด ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 19 เมษายน ถึงเช้าวันที่ 20 เมษายน และมีผู้หลบหนีภัยสงครามข้ามมาชายแดนไทยจำนวนหนึ่ง นั้น

กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยฝ่ายความมั่นคงของไทยได้เฝ้าระวังสถานการณ์บริเวณชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีการล่วงละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหากมีความจำเป็น และพร้อมดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา

ก่อนหน้านี้ ในช่วงการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เมื่อวันพฤหัสฯ (19 เม.ย.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการดำเนินการของไทยต่อความคืบหน้าสถานการณ์ในเมียนมาว่า

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

ภายหลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาเข้าควบคุมเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นช่องทางการค้าชายแดนและประชาชนไทย-เมียนมาผ่านเข้าออกที่สำคัญ ฝ่ายไทยได้เตรียมความพร้อมในหลายมิติและเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับฝ่ายต่อต้านที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยตามแนวชายแดน รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีผู้หนีภัยการสู้รบข้ามมายังประเทศไทย

ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์ในเมียนมาโดยตรง ซึ่งจะเริ่มประชุมเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านมนุษยธรรมเป็นอันดับต้น และพร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่าย หากทุกฝ่ายพร้อมให้ไทยเข้าไปพูดคุยด้วย และไทยมีความยินดี หากแต่ละฝ่ายเห็นประโยชน์ที่จะให้มีไทยเข้าไปร่วมหารือด้วย

ในฐานะเพื่อนบ้าน ไทยสนับสนุนการพูดคุยและการปรองดองเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ความมั่นคง และเอกภาพในเมียนมา โดยต้องเป็นผลจากการพูดคุยและการหาแนวทางร่วมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ภายในเมียนมาเอง

การสู้รบระหว่างกลุ่มต่อต้านและกองทัพเมียนมา ทำให้ชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบพากันอพยพข้ามชายแดนมาฝั่งไทย (แฟ้มภาพ AFP)

ไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านมนุษยธรรมเป็นอันดับต้น และพร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่าย (ภาพจากแฟ้มภาพ AFP)

ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา ขณะนี้ ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มและขยายการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม โดยจะเริ่มพูดคุยกับองค์การระหว่างประเทศตามแนวชายแดนและองค์กรประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง โดยมีแผนจะเชิญมาแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกันภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า

ผู้สื่อข่าวรายบรรยากาศล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.) บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก มีการสู้รบฝั่งประเทศเมียนมาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทางกองกำลังชนกลุ่มน้อยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสหภาพเมียนมา ได้ใช้ปืนเล็ก ปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) โจมตี พัน.ร.275 ภาคทหารบกตะวันออกเฉียงใต้ (ภทบ.ตอ./ต.) และ พล.ร.เบา 44 ซึ่งกระจายกำลังอยู่บริเวณพื้นที่ สะพานมิตรภาพ ไทย - เมียนมา แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) บ.เยปู่ (MU 449471) อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยงประเทศเมียนมา ด้านตรงข้าม บ.วังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1.5 กม. อย่างหนัก ซึ่งในช่วงเช้ายังคงมีการปะทะ เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง และยังไม่ทราบผลการสูญเสีย โดยฝั่งไทยบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ได้งดการผ่านเข้า-ออกแล้ว

ทางหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ได้วางกำลังตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อปกป้องอธิปไตยและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนตลอดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา รายงานระบุว่า มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่บริเวณพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ.วังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ได้หลบหนีข้ามมายังฝั่งไทย จำนวน 217 คน และเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ประชาชนฝั่งประเทศเมียนมา ยังคงหลั่งไหลข้ามมายังฝั่งประเทศไทยต่อเนื่อง เบื้องต้นมีผู้อพยพกว่า 1,200 คน

ทั้งนี้ ทางเจ้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู)  ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้จัดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ไว้ 2 จุด อยู่บ.วังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก