สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ด้านการต่างประเทศและความมั่นคงทั้งของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกโรงเตือนเมื่อวันจันทร์ (24 มิ.ย.) ว่า สงครามของอิสราเอลอาจขยายวงออกนอกฉนวนกาซา เหตุจากการโจมตีเชิงรุกของกองทัพอิสราเอลที่รู้จักกันในนาม "กองกำลังป้องกันอิสราเอล" (Israel Defense Forces หรือ IDF) ได้ยิงจรวดเข้าไปในเลบานอน ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิสราเอล เพื่อจัดการกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่อิหร่านให้การสนับสนุนอยู่
นายโจเซพ บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (24 มิ.ย.) ว่า ความเสี่ยงที่สงครามในตะวันออกกลางจะแผ่ขยายวงออกไปนั้น เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน นอกจากนี้ ยังย้ำว่า ต้องมีการหยุดยิงในกาซาอย่างเร่งด่วน เพื่อเปิดทางให้มีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่
ความเห็นของนายบอร์เรล ซึ่งเป็นผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของอียู มีออกมาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเตือนว่า การโจมตีรุกเข้าไปในเลบานอนโดยกองทัพอิสราเอลจะ "ยกระดับ" ความเสี่ยงให้ภาวะความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่แล้ว ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และอาจดึงอิหร่านให้เข้ามาช่วยสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ก็เป็นได้
รายงานข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลเดินหน้าทำสงครามในฉนวนกาซากับกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่อิหร่านหนุนหลัง ขณะเดียวกันก็มีการยิงต่อสู้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ข้ามแนวชายแดนอิสราเอล-เลบานอนไปด้วย
พลอากาศเอกชาร์ลส์ คิว บราวน์ ประธานคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อิหร่านอาจเอนเอียงมาช่วยจัดหาการสนับสนุนให้ฮิซบอลเลาะห์มากขึ้น พร้อมระบุว่า กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้มีทรัพยากรในมือมากกว่าฮามาสแล้วด้วยซ้ำ
ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แม้จะมีแรงกดดันรอบด้าน แต่เขาก็ยืนกรานไม่รับข้อตกลงยุติสงคราม โดยเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (23 มิ.ย.) สถานีโทรทัศน์ Channel 14 ของอิสราเอล ซึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมและสนับสนุนนายเนทันยาฮู ได้เผยแพร่คลิปการสัมภาษณ์ของเขาที่ระบุว่า พร้อมที่จะยอมรับข้อตกลง(หยุดยิง)บางส่วน รวมถึงการนำตัวประกันส่วนหนึ่งกลับมา
ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เนทันยาฮูหมายถึงตัวประกันราว 120 คนที่ยังถูกกลุ่มฮามาสคุมตัวไว้ในเขตฉนวนกาซ่า
“แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำสงครามหลังการพัก(รบ) เพื่อจะบรรลุเป้าหมายการกำจัดฮามาส ผมไม่ตั้งใจที่จะยกเลิกเป้าหมายนั้น”
ผู้นำอิสราเอลยังกล่าวด้วยว่า “ช่วงเวลาอันดุเดือด” ของการต่อสู้กับกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซาจะยุติลงในเร็ว ๆ นี้ และอิสราเอลน่าจะเคลื่อนกำลังพลไปประจำตามแนวชายแดนที่ติดกับเลบานอนมากขึ้นด้วย โดยระบุว่า การทำเช่นนั้นจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระดับการป้องกันตนจากการโจมตีของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ขณะเดียวกัน อิสราเอลยังจะเปิดทางให้ประชาชนชาวอิสราเอลที่หนีภัยการสู้รบใกล้ ๆ เขตชายแดนให้กลับคืนสู่บ้านเรือนได้
ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารในเขตกาซาของอิสราเอลที่ดำเนินมากว่า 8 เดือนนี้ เริ่มต้นขึ้นหลังกลุ่มฮามาสโจมตีพื้นที่ทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คนและมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันประมาณ 250 คน (ข้อมูลของฝ่ายอิสราเอล)
และนับตั้งแต่อิสราเอลส่งทหารเข้าโจมตีฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาสและบุกชิงคืนตัวประกัน ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 37,600 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวปาเลสไตน์ รวมทั้งเด็กและสตรี ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตปกครองนี้ถูกทำลายย่อยยับเหลือแต่ซาก
กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก่อตั้งขึ้นในเลบานอนเมื่อปี 1982 ในช่วงสงครามกลางเมืองเลบานอนที่ยืดเยื้อยาวนาน 15 ปี วัตถุประสงค์ก่อตั้งเพื่อขับไล่กองกำลังป้องกันอิสราเอลที่ยึดครองเลบานอนอยู่ในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า ฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลนั้น เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน
ฮิซบอลเลาะห์ได้รับแรงบันดาลใจในการเคลื่อนไหวจากการปฏิวัติอิหร่าน ทั้งนี้ ทางกลุ่มมีรัฐมนตรีในรัฐบาลเลบานอน รวมทั้งสส.ผู้ร่างกฎหมายในรัฐสภา
ในปีค.ศ. 2000 ฮิซบอลเลาะห์ขับไล่กองกำลังอิสราเอลออกจากเลบานอนได้สำเร็จ แต่ความขัดแย้งระหว่างทางกลุ่มกับอิสราเอลไม่ได้ยุติลง ยังคงมีการปะทะกันตามแนวชายแดนอยู่บ่อยครั้ง
ต่อมาฮิซบอลเลาะห์ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลอิสราเอลขึ้นบัญชีดำในฐานะกลุ่มก่อการร้ายไม่ต่างจากกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ โดยเชื่อว่าฮิซบอลเลาะห์อยู่เบื้องหลังการจับตัวประกันชาวอเมริกันหลายครั้ง รวมถึงปฏิบัติการพลีชีพที่สังหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ 241 คนในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อปี 1983
ส่วน กลุ่มฮามาส ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1987 ในเขตฉนวนกาซา โดยแยกตัวออกจากสาขาภราดรภาพมุสลิมปาเลสไตน์ และดำเนินงานในฐานะพรรคการเมืองเช่นเดียวกัน มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ในกาซา
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศตะวันตกหลายประเทศ ถือว่าทั้งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และฮามาส เป็นองค์กรก่อการร้าย อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน แต่ศักยภาพทางการทหารของฮิซบอลเลาะห์ถือว่าเหนือกว่าฮามาส เนื่องจากอิหร่านสนับสนุนทั้งอาวุธและเงินให้กับฮิซบอลเลาะห์ ทำให้ฮิซบอลเลาะห์กล่าวอ้างได้อย่างเต็มปากว่า มีอาวุธพร้อมโจมตีได้ทุกส่วนของอิสราเอล
แดเนียล บายแมน นักวิจัยอาวุโสของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ ให้ความเห็นว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์มีแสนยานุภาพน่าเกรงขามมากกว่ากลุ่มฮามาส และปฏิบัติการของทางกลุ่มในปัจจุบันก็นับเป็นฝันร้ายของอิสราเอล