วิกฤตตะวันออกกลาง สงครามเต็มรูปแบบหรือโอกาสสุดท้ายของสันติภาพ

05 ส.ค. 2567 | 12:50 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2567 | 13:29 น.

ความตึงเครียดในตะวันออกกลางพุ่งสูง หลังผู้นำฮามาสเสียชีวิต ขณะที่อิหร่านประกาศแก้แค้น คำถามก็คือ มีอะไรจะหยุดสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลางได้หรือไม่ สงครามจะขยายวงหรือจะเป็นโอกาสสุดท้ายสู่สันติภาพ

"ตะวันออกกลาง" กำลังเผชิญกับวิกฤตที่อาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของฮามาส ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน

อิสมา อิลฮานิเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสที่ถูกลอบ สังหาร

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เข้าพิธีสาบานตน กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) แถลงว่า อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาสซึ่งเสียชีวิตเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ถูกสังหารด้วย "อาวุธพิสัยใกล้" ที่ยิงมาจากนอกบ้านพักของเขาในกรุงเตหะราน

ประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่ มาซูด เปเซชเคียน

เปเซชเคียนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนก่อน เอาชนะฝ่ายอนุรักษ์นิยมสายแข็งที่ได้รับการชื่นชมจาก อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดสุดของอิหร่าน เขาสัญญาว่าจะซ่อมแซมความสัมพันธ์กับตะวันตกและผ่อนคลายกฎระเบียบทางสังคม แต่การลอบสังหารฮานิเยห์ได้ทำลายความหวังเหล่านั้นลง

อาจนำไปสู่ "สงครามเต็มรูปแบบ"

การลอบสังหารฮานิเยห์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ได้ทำลายความหวังทั้งหมดนั้นลง เปเซชเคียนพบว่าตัวเองอยู่ในจุดศูนย์กลางของความขัดเเย้งระดับนานาชาติ ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่า อาจนำไปสู่ "สงครามเต็มรูปแบบ"

รายงานระบุว่า คาเมเนอี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอิหร่าน โกรธแค้นต่อการโจมตีที่ทำให้เขา ประเทศของเขา และกองกำลังติดอาวุธชั้นนำของประเทศต้องอับอาย จึงกล่าวกันว่า คาเมเนอีได้สั่งการให้เตรียมการตอบโต้ทางทหารโดยตรงต่ออิสราเอล เขากล่าวว่าการแก้แค้นจากการตายของฮานิเยห์คือ "หน้าที่ของเรา" 

ประท้วงประณามการสังหารฮานิเยห์ ผู้นำฮามาสในอิสตันบูล

ตะวันออกกลางต้องเผชิญกับความหายนะหลายครั้งในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่เเล้ว ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 1,200 ราย ในเดือนเมษายน หลังจากที่อิสราเอลลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ที่สถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส

สหรัฐฯ ปฏิบัติการนานาชาติ แต่บางประเทศอาจไม่ยอมเข้าร่วม

อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธและโดรนนับร้อยลูกในการโจมตีอิสราเอลแบบเผชิญหน้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 1979 กองกำลังผสมระหว่างประเทศเฉพาะกิจซึ่งประกอบด้วยกองทัพอากาศสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย และจอร์แดน ช่วยให้อิสราเอลสกัดกั้นและทำลายขีปนาวุธส่วนใหญ่ได้ แต่การโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีแบบประชิดตัว 

รายงานในสื่อสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเร่งดำเนินการปฏิบัติการนานาชาติ แต่บางประเทศอาจไม่ยอมเข้าร่วมอีกครั้ง สะท้อนถึงความโกรธแค้นต่อรัฐบาลอิสราเอลในการสังหารฮานิเยห์ ประกอบกับการลอบสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของเฮซบอลลาห์ในเบรุตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุและยกระดับความรุนแรงอย่างไร้ความรับผิดชอบ ซึ่งได้ทำลายความหวังในการหยุดยิงในฉนวนกาซาอีกครั้ง 

ก้าวต่อไปของอิหร่าน

อาจเป็นตัวกำหนดว่าตะวันออกกลางจะจมดิ่งสู่ความโกลาหลหรือไม่ การก้าวขึ้นมาอย่างในฐานะมหาอำนาจของภูมิภาคได้เร่งตัวขึ้นหลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่ต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐฯ ของอิหร่าน ซึ่งรวมถึงกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในเลบานอน ซีเรีย อิรัก และเยเมน และได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยมากขึ้นจากจีนและรัสเซีย ขณะนี้เป็นกำลังสำคัญที่ท้าทายระเบียบที่นำโดยชาติตะวันตก

ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู รวมถึงการขยายการตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ การผนวกดินแดนและความรุนแรงของผู้ตั้งถิ่นฐานต่อชาวปาเลสไตน์ นโยบายเหล่านี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับพันธมิตรตะวันตกและโลกมุสลิม อิสราเอลถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

แฟ้มภาพ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮูกล่าวปราศรัยในการประชุมร่วมของรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน

ขณะเดียวกัน บทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้มีอิทธิพลในภูมิภาคก็ลดลง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งด้วยความหวังที่จะฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน กลับถูกบังคับให้เข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์อย่างเต็มตัว การตัดสินใจให้อิสระแก่เนทันยาฮูในฉนวนกาซาถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรง

ตัวละครสำคัญในวิกฤตนี้

อิหร่าน

ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ได้เรียกร้องการแก้แค้นสำหรับการเสียชีวิตของฮานิเยห์ โดยกล่าวว่าเป็น "หน้าที่ของเรา" อิหร่านได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเด่นในภูมิภาค โดยต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐฯ

ฮิซบอลเลาะห์

กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในเลบานอน ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรนอกภาครัฐที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก อิสราเอลประเมินว่ามีนักรบที่ได้รับการฝึกฝนประมาณ 45,000 นาย และขีปนาวุธมากถึง 150,000 ลูก รวมถึงยานบินไร้คนขับจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าฮิซบุลเลาะห์สามารถยิงขีปนาวุธได้ 2,500 ถึง 4,000 ลูกต่อวันในทุกที่ของอิสราเอลเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และอาจล้นระบบป้องกันภัยทางอากาศไอรอนโดมของอิสราเอล

อิรัก

มีจุดยืนที่แน่วแน่ต่อความขัดแย้งในฉนวนกาซาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยประณามการรุกรานของอิสราเอลและปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มฮามาส ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนปาเลสไตน์มาโดยตลอด 

อิรักเป็นที่ตั้งของกองกำลังติดอาวุธอิสลามที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน ซึ่งโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในพื้นที่และในซีเรียซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธอย่างน้อย 165 ครั้งหลังวันที่ 7 ตุลาคม ไบเดนได้สั่งโจมตีทางอากาศในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อแก้แค้นทหารสหรัฐฯ 3 นายที่เสียชีวิตในจอร์แดน

ทหารสหรัฐยังคงประจำการอยู่ในอิรักราว 2,500 นาย และในซีเรียราว 900 นาย โดยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย 

กลุ่มฮูตี

กลุ่มฮูตีในเยเมนเป็นกองกำลังติดอาวุธชีอะห์หัวรุนแรงที่เป็นพันธมิตรและติดอาวุธกับอิหร่าน ซึ่งต่อต้านรัฐอิสราเอลและมีคำขวัญที่ว่า "คำสาปแช่งจงมีแด่ชาวยิว" หลังอิสราเอลรุกรานฉนวนกาซา กลุ่มฮูตีก็เริ่มยิงขีปนาวุธไปที่เรือเดินทะเลเชิงพาณิชย์ในทะเลแดงซึ่งมีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลและพันธมิตรที่ใกล้ชิด เช่น สหรัฐฯและอังกฤษส่งผลให้กองทัพตะวันตกตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานปล่อยจรวดของกลุ่มฮูตี

ภัยคุกคามของกลุ่มฮูตีทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อกลุ่มฮูตีประสบความสำเร็จในการโจมตีอาคารอพาร์ตเมนต์ในเทลอาวีฟด้วยโดรนติดอาวุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บอีก 1 ราย อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศเพื่อตอบโต้ที่ท่าเรือโฮเดดาห์ในทะเลแดง

สหรัฐฯ

สหรัฐฯ มีฐานทัพอากาศและกองทัพเรือขนาดใหญ่ในอ่าวเปอร์เซีย และคาดว่าจะมีการ "ส่งกำลังป้องกัน" ใหม่ในภูมิภาคนี้ 

ไบเดนยังคงไม่ละทิ้งแผนการเจรจาข้อตกลงใหญ่ระหว่างการหยุดยิงในฉนวนกาซาและการหารือระหว่างอิสราเอลกับทางการปาเลสไตน์เกี่ยวกับแนวทางสองรัฐเพื่อรับประกันความมั่นคงในภูมิภาคเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อคลี่คลายระเบิดเวลาที่เรียกว่าปาเลสไตน์และทำลายล้างอิหร่านในที่สุด ในขณะนี้ ดูเหมือนเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้

ตุรกี

ประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ขู่ว่าจะแทรกแซงทางทหารเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ สร้างความตึงเครียดทางการทูตกับอิสราเอล

แฟ้มภาพ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน

กาตาร์

ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยในความพยายามหยุดยิงในฉนวนกาซา แต่แสดงความกังวลโดยเฉพาะการลอบสังหารฮานิเยห์ซึ่งอาจบ่อนทำลายความพยายามในการเจรจา

ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล-ธานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ เขียนใน X ว่า “การลอบสังหารทางการเมืองและการจู่โจมพลเรือนในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องขณะที่การเจรจายังคงดำเนินต่อไป ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า การไกล่เกลี่ยจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร เมื่อฝ่ายหนึ่งลอบสังหารผู้เจรจาของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยเตือนว่า “สันติภาพต้องการพันธมิตรที่จริงจัง” 

อียิปต์ 

อียิปต์กล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าทำลายสันติภาพ แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศกรุงไคโรระบุว่า การที่สถานการณ์ในภูมิภาคนี้ตึงเครียดขึ้นพร้อมกับการไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น และบ่งชี้ว่าอิสราเอลไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่จะสงบสถานการณ์ เช่นเดียวกับจอร์แดนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน อียิปต์มีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากฉนวนกาซา รวมถึงความไม่สงบภายในประเทศ

วิกฤตตะวันออกกลาง ตัวละครสำคัญบนความขัดแย้ง

สถานการณ์ปัจจุบันเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าทางทหารครั้งใหญ่ในภูมิภาค การตอบโต้ของอิหร่านต่อการลอบสังหารฮานิเยห์อาจเป็นชนวนที่ทำให้เกิดสงคราม ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของความขัดแย้งในฉนวนกาซาและการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเผชิญหน้าที่กว้างขึ้น เเต่ก็ยังคงมีความพยายามทางการทูตที่อาจเป็น "โอกาสสุดท้ายในการรักษาสันติภาพ"