ตะวันออกกลางระอุ! "อิสราเอล" ถล่มกลับฮิซบอลเลาะห์ใจกลางเบรุต ดับ 6 ราย

03 ต.ค. 2567 | 07:40 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2567 | 08:06 น.

ตะวันออกกลางเดือดต่อเนื่อง "อิสราเอล" ถล่มกลับ "ฮิซบอลเลาะห์" โจมตีกรุงเบรุต เสียชีวิต 6 ราย ท่ามกลางการเผชิญหน้าที่รุนแรงขึ้น

รอยเตอร์รายงานสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางล่าสุด อิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศในใจกลางกรุงเบรุต เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2024 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางทหารต่อฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย โดยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

รายงานจากพยานในพื้นที่แจ้งว่า การโจมตีดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่อาคารในเขตบาชูราของกรุงเบรุต ซึ่งอยู่ใกล้กับรัฐสภาเลบานอน อาคารที่ถูกโจมตีได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีไฟลุกไหม้ในบางส่วน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลบานอนระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อิสราเอลได้เข้าถึงเขตเมืองใกล้กับใจกลางกรุงเบรุต โดยปกติแล้ว การโจมตีทางอากาศส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ชานเมืองหรือเขตที่ฮิซบอลเลาะห์มีอิทธิพล

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในเขตชานเมืองทางตอนใต้ของกรุงเบรุต ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ 3 ลูก โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการยิงจรวดโจมตีเป้าหมายทหารอิสราเอลในเขตชายแดนเลบานอน ส่งผลให้สถานการณ์ที่เคยตึงเครียดอยู่แล้วรุนแรงยิ่งขึ้น

จากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ระบุว่าสงครามครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ต้องการทำลายประเทศอิสราเอล พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่าอิสราเอลจะสามารถยืนหยัดและชนะสงครามนี้ได้ด้วยความสามัคคีของประชาชน

เครดิตภาพ Reuters

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำของกลุ่ม G7 รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน ต่างออกมาประกาศแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กำลังรุนแรงขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าสู่การเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการโจมตีทางทหารต่อโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้ว่าจะมีการยิงขีปนาวุธระหว่างกันเกิดขึ้นก็ตาม โดยไบเดนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตอบโต้ที่ "เหมาะสมและสมดุล" เพื่อไม่ให้สถานการณ์ขยายวงกว้างไปสู่การทำลายล้างระดับภูมิภาค

กลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน ได้ออกมาแสดงตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งโดรนโจมตีเมืองเทลอาวีฟของอิสราเอล เหตุการณ์นี้เพิ่มความซับซ้อนในภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจากความขัดแย้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอิสราเอลและเลบานอน แต่ยังเชื่อมโยงถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

เครดิตภาพ Reuters

นอกจากนี้ เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเร่งหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางโดยด่วน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการป้องกันไม่ให้เกิดการขยายความรุนแรงไปสู่ประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงนี้ทำให้ประชาชนชาวเลบานอนกว่า 1.2 ล้านคนต้องพลัดถิ่นจากบ้านเรือน เนื่องจากความไม่ปลอดภัยที่เกิดจากการโจมตีของอิสราเอล โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มีมากกว่า 1,900 รายในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเลบานอน ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งนี้จะยืดเยื้อต่อไปหากไม่มีการหาทางออกที่ยั่งยืน

เครดิตภาพ Reuters