กต.แจ้ง คนไทยเสียชีวิต หลังไต้ฝุ่นกองเร็ย พัดถล่มไต้หวัน

01 พ.ย. 2567 | 10:55 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2567 | 11:11 น.

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ชาวไทยเสียชีวิต 1 ราย จากไต้ฝุ่นกองเร็ย ที่พัดถล่มไต้หวัน ขอให้ประชาชนระวังการเดินทางในพื้นที่เสี่ยง

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย-ไทเป เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากไต้ฝุ่นกองเร็ย ซึ่งพัดถล่มพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของไต้หวันอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองหนานโถว ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตชาวไทย 1 ราย คือ นางสาวรุ้งสินีย์ ฮ่อธิวงศ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สุโขทัย ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองหนานโถว ขณะที่เดินทางไปกับนายจ้างชาวไต้หวัน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยรุนแรงที่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเดินทางในหลายพื้นที่ของไต้หวัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างเดินทาง

กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้รับแจ้งเหตุการณ์โดยตรงจากสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย-ไทเป ซึ่งได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงแรงงานและทางการท่องเที่ยวของไต้หวันเพื่อให้การดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์แก่ญาติของผู้เสียชีวิต ในขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานยังได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตถึงสิทธิประโยชน์และเงินทดแทนที่จะได้รับ เพื่อบรรเทาความสูญเสียที่เกิดขึ้น

นายนิกรเดช แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมกับให้คำมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวในการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศไทย

รายงานจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อรับมือพายุไต้ฝุ่นกองเร็ยระบุว่าพายุนี้ได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของไต้หวัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บถึง 205 ราย และมีผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมาก ไต้ฝุ่นกองเร็ยได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานในหลายพื้นที่ รวมถึงการปิดกั้นเส้นทางสัญจรและส่งผลกระทบต่อการเดินทางเป็นวงกว้าง

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ไต้ฝุ่นกองเร็ยยังคงทวีความรุนแรงและพยากรณ์อากาศคาดว่าพื้นที่บางส่วนของไต้หวันยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานท้องถิ่นของไต้หวันได้ให้คำแนะนำแก่ประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน