ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (15 พ.ย.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง และนักลงทุนประเมินการเลือกคณะรัฐมนตรีของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินอยู่ ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด เป็นเหตุผลที่ทำให้เฟดสามารถดำเนินการอย่างระมัดระวังกับความเร็วและขอบเขตของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
เครื่องมือ CME FedWatch ชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 42% เพิ่มขึ้นจากประมาณ 14% เมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2568 ด้วย
มุมมองดังกล่าวได้รับการยืนยันจากข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกในสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเกินคาดในเดือนต.ค. และราคานำเข้าก็ฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกันข้อมูลที่เผยแพร่ในวันพุธและพฤหัสบดีก็แสดงถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ดี ตลาดเปลี่ยนความสนใจจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่สนับสนุนธุรกิจ ไปเป็นความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่
หุ้นของบริษัทผลิตวัคซีนและบริษัทผลิตอาหารในบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลง หลังจากทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเสนอชื่อโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งเคยเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับวัคซีนและวิพากษ์วิจารณ์อาหารแปรรูปอย่างหนัก มาเป็นหัวหน้ากระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์
หุ้นของบริษัทด้านการป้องกันประเทศและผู้รับเหมาโครงการของรัฐบาลปรับตัวลงด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับบุคคลที่ทรัมป์เลือกในช่วงต้นสัปดาห์นี้ให้เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ด้านประสิทธิภาพของรัฐบาล
สำหรับหุ้น 11 กลุ่มหลักของดัชนี S&P500 นั้น กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นกลุ่มที่ร่วงลงมากที่สุดในวันศุกร์
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแอพพลายด์ แมตทีเรียลส์ (Applied Materials) ผู้ผลิตอุปกรณ์การผลิตชิปของสหรัฐฯ ร่วงลง หลังจากคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
หุ้นโมเดอร์นา (Moderna) และหุ้นไฟเซอร์ (Pfizer) ร่วงลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ร่วงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคก็ได้รับผลกระทบจากข่าวการเสนอชื่อบุคคลในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ โดยหุ้นของบริษัทต่างๆ เช่น มอนสเตอร์ เบฟเวอเรจ (Monster Beverage), แลมบ์ เวสตัน (Lamb Weston) และเป๊ปซี่โค (PepsiCo) ร่วงลงตามกัน