ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกถดถอย หลายประเทศเฝ้าจับตามอง วันที่2เมษายน 2568 ว่าในที่สุดแล้ว นโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา จะกำหนดกำแพงภาษีแต่ละประเทศโดยเฉพาะในแถบภูมิภาคอาเซียน มากน้อยเพียงใด
พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์
โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ยอมรับว่าสุ่มเสี่ยงที่จะโดนหาเลขอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกัน ยังมีผลกระทบเกี่ยวกับการส่งชาว”อุยกูร์” ออกจากประเทศ ภายใต้การนำของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ประเมินสถานการณ์การขึ้นภาษีเท่าเทียมตามนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา และไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะ วัสดุก่อสร้าง เหล็ก ที่ทุกประเทศจะวิ่งกลับมายังไทยโดยเฉพาะเหล็กจีน มีผลให้ ผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบ มีสัดส่วนการผลิตที่ลดลงและปัญหาการแข่งขันราคา
“ที่เป็นปัญหาใหญ่ เหล็กจีนจะวิ่งไปอเมริกาไม่ได้แล้ว เพราะภาษีจะสูงวัสดุก่อสร้างหลายตัว ทุกรายการโดนเก็บภาษีทั้งหมด และจะเลี้ยวมาไทยทั้งหมด อย่างเลี่ยงไม่ได้จากที่แย่อยู่แล้ว และพบว่ามีหลายโรงเหล็กในไทยเริ่มปิดกิจการ”
แต่ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อไทยได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี และจีนอาจได้รับผลกระทบจากภาษีไม่มาก โอกาสจีนจะขยายฐานการผลิตมาไทย อาจไม่มากตามที่คาดการณ์ ก็เป็นได้มีโอกาสจีนจะมาไทยหรือไม่ แม้ว่าจะจับจองพื้นที่มีนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง
“ทรัมป์เขาเล่นงานหนักกับเพื่อนบ้านที่เคยเป็นมิตร เขาทั้งหมดแต่กับจีนเขาไม่ต่อยแต่เขาแย๊บ ทั้งที่จริงๆเขาแย๊บมาตั้งแต่ทรัมป์1แล้ว ทรัมป์2ทำไมไม่น๊อก เข้าใจว่ากลัว บางสิ่งบางอย่าง เพราะ ถ้าจีนเท ขาย บอน อเมริกัน ที่ถือในมือทั้งหมด น่าจะระเนระนาด”
อย่างไรก็ตาม อีกมุมมอง ถ้าหากนักลงทุนจีน ไต้หวัน ที่เข้ามาจองนิคมอุตสหากรรมในไทยค่อนข้างมาก นิคมอุตสาหกรรมขายดี และถ้า ทรัมป์ ไม่เก็บภาษีจีน สูงตามที่คาดการณ์ จะเกิดอะไรขึ้นก็หมายความว่า
จีนที่มาจอง พื้นที่นิคมอุตสหกรรมและไทยได้รับผลกระทบกับกำแพงภาษีเท่าเทียม เท่ากับว่า จีนย้ายฐานการผลิตมาไทย เขาก็ถูกกระทบจากภาษีทรัมป์อยู่ดี ดังนั้น หลายอย่างที่ส่งจากไทยไป โดนหนักจากภาษี จึงมีคำถามว่า จีนจะย้ายมาไทยทำไม โดยเบื้องลึก "ทรัมป์"เอง ต้องการให้โรงงาน ไปตั้งอยู่ที่อเมริกาซึ่งเป็นลักษณะบังคับ แต่ เชื่อว่า กลุ่มนักลงทุนที่จะไป จะถูกสหภาพของอเมริกาฟ้องร้อง
“ปัญหาใหญ่ หลังจากวันที่2เมษายน ต้องจับตามองว่า ถ้านักลงทุนจีน จองพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแล้ว และหากเขาไม่มาดำเนินการเสียทีแสดงว่าเขายังไม่แน่ใจว่า ว่าไทยเซฟโซน จริงหรือไม่ ถ้ามีไม่มาก นักลงทุนจีนอาจจะไม่ลงทุนจริง และเงินที่จะไหลเข้ามาในไทยก็จะไม่เข้ามา ตามที่คาดการณ์ไว้ ดูได้จาก ดาต้าเช็นเตอร์ที่คุยตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วจนถึงรัฐบาลนี้ ก็ยังไม่เห็นปักรากฐานสร้างจริงเท่าไหร่”