ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยว่าจะมีการใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายนนี้ หลังจากมีหลายฝ่ายเข้าพบเพื่อขอรับการยกเว้น ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวในทิศทางบวก
"บางคนมาหาผมและพูดคุยเกี่ยวกับภาษีนี้ และหลายคนก็ขอร้องผมว่าพวกเขาจะได้รับการยกเว้นได้ไหม ซึ่งถ้าคุณอนุญาตให้หนึ่งคน คุณก็ต้องอนุญาตให้ทุกคน" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว พร้อมย้ำว่า "ผมไม่ได้เปลี่ยนใจ แค่คำว่ายืดหยุ่นเป็นคำที่มีความสำคัญ"
ทรัมป์ กล่าวว่า เขามีแผนที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีน
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่า วันที่ 2 เม.ย.จะเป็นวันแห่งการปลดปล่อยสำหรับอเมริกา เนื่องจากเป็นวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อสินค้าที่นำเข้าจากทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐ และแม้ว่าบางประเทศไม่ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐ แต่ได้มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ประเทศดังกล่าวก็จะถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้เช่นกัน
หลังจากทรัมป์ ให้ความหวังว่า ภาษีศุลกากรที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเม.ย. อาจไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ (21 มี.ค.) โดยฟื้นตัวจากการติดลบในช่วงเช้า
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,985.35 จุด เพิ่มขึ้น 32.03 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,667.56 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,784.05 จุด เพิ่มขึ้น 92.43 จุด หรือ +0.52%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.2%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.5% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.17%