ในโลกนี้มีธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จมากมาย พบว่ามีปัจจัยบางประการที่ต้องพิจารณาหากต้องการรักษาธุรกิจครอบครัวให้ยังอยู่ได้ตั้งแต่รุ่นที่ 2 ขึ้นไป จากสถิติระบุว่าโอกาสที่ธุรกิจครอบครัวจะสามารถเปลี่ยนผ่านจากรุ่นแรกสู่รุ่นที่ 2 นั้นอยู่ที่ 30% ขณะที่โอกาสรอดจากการเปลี่ยนผ่านจากรุ่นที่ 2 ไปสู่รุ่นที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 10% ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้นพบว่าธุรกิจครอบครัวประมาณ 40% สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่รุ่นที่ 2 ได้ ในขณะที่ 13% สามารถส่งต่อไปยังรุ่นที่ 3 ได้สำเร็จ และมีเพียง 3% เท่านั้นที่รอดไปถึงรุ่นที่ 4 และรุ่นต่อไป
หากจะพิจารณาความเสี่ยงในธุรกิจครอบครัวก็จะพบว่า ช่วงเริ่มต้นธุรกิจนั้นความรับผิดชอบและการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นผู้มีอำนาจตัดสินใจจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งโครงสร้างการถือหุ้นและการบริหารจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป เมื่อธุรกิจดำเนินกิจการไปถึงรุ่นที่ 3 ขึ้นไปช่องว่างในด้านการบริหาร การถือหุ้น ฯลฯ ก็จะกว้างขึ้น เนื่องจากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวจะเข้ามาในธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการดำเนินธุรกิจจะต้องมีความสมดุลระหว่างธุรกิจกับครอบครัว
ทั้งวิธีการตัดสินใจ แนวทางการนำสมาชิกในครอบครัวรุ่นต่อไปเข้าสู่ธุรกิจ ข้อกำหนดในการเข้าร่วมธุรกิจต้องมีอะไรบ้าง วิธีที่ดีที่สุดคือการกำหนดความชัดเจนระหว่างการเงินของธุรกิจและการเงินส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นธุรกิจที่ต้องการดำรงอยู่ต่อไปหลายชั่วอายุคน ทั้งนี้จากการศaึกษาตัวอย่างธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ พบว่าสิ่งที่พวกเขาทำและให้ความสำคัญมีดังต่อไปนี้
• ให้ความสำคัญกับความสามัคคีระหว่างผู้บริหารหลักและสมาชิกในครอบครัวที่ทำงานในธุรกิจ
• ดำเนินการตามค่านิยมของธุรกิจในแต่ละวัน และเมื่อถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากจะมีการติดต่อขอความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม
• พิจารณาว่าความทะเยอทะยานและเป้าหมายของคนรุ่นต่อไปยังเหมือนกับคนรุ่นเก่าหรือไม่ พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจและมีความหลงใหลในธุรกิจนี้หรือไม่
• มีแผนสืบทอดกิจการและวิธีการดำเนินการที่ชัดเจน
• มีโครงสร้างสัดส่วนการถือหุ้นที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในธุรกิจกรณีหากผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่งเสียชีวิตหรือผู้ก่อตั้งเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามการพูดคุยกันตรงไปตรงมาระหว่างสมาชิกในครอบครัวในธุรกิจบางครั้งก็ยาก ทำให้ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ปัญหาจึงอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา วิธีแก้ปัญหาที่ควรทำตั้งแต่ต้นคือการร่างธรรมนูญครอบครัวร่วมกับสมาชิกในครอบครัว ต้องอนุญาตให้มีการอภิปรายอย่างเปิดเผย ทั้งนี้ธรรมนูญครอบครัวไม่ใช่เอกสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ควรทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับวิธีการดำเนินธุรกิจเพื่อคนรุ่นต่อไป เช่น วิธีการจ้างงาน จ้างใครได้บ้าง ค่านิยมหลักในการทำธุรกิจ ทรัพย์สินอะไรที่ควรเก็บไว้ และอะไรควรขาย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอาจใส่แนวทางที่มีการอ้างอิงไว้ถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในธุรกิจและวิธีการจัดการที่ใช้ได้ผลและไม่ได้ผล รวมถึงตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้างการถือหุ้นมีความเหมาะสมและทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ดีแล้ว รวมถึงวิธีการถ่ายโอนหุ้นที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับสมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในธุรกิจ โดยมีเป้าหมายทำสิ่งที่ดีที่สุดและความสำเร็จเพื่อคนรุ่นต่อไปเป็นสำคัญ
ที่มา: Wessels, C. 22 March 2022. Why family businesses fail. Available: https://www.moneyweb.co.za/financial-advisor-views/why-family-businesses-fail/
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,826 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2565