ธุรกิจครอบครัวมีความน่าสนใจเนื่องจากมีค่านิยมที่ได้รับการถักทอตามธรรมชาติมาเป็นวัฒนธรรมของบริษัท และสามารถสร้างมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้หลายชั่วอายุคน อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงต่อสงครามในครอบครัวที่อาจทำลายพวกเขาได้เช่นกัน ซึ่งมีโศกนาฏกรรมในอาณาจักรธุรกิจให้เห็นอยู่มากมาย
ปัญหาหลักของความขัดแย้งในธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าของธุรกิจครอบครัวเห็นว่าความต้องการของตนไม่ได้รับการตอบสนอง และไม่ได้เกิดจากผลการดำเนินธุรกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมักเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น ความมั่งคั่งจะส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไปอย่างไร การเลือกผู้นำในอนาคตของครอบครัวและธุรกิจ กลยุทธ์เพื่อการเติบโตของธุรกิจ ผลงานและการกำหนดระดับค่าตอบแทนของสมาชิกในครอบครัวที่ทำงานในธุรกิจ เป็นต้น
โดยความเห็นพ้องกันภายในครอบครัวผู้ก่อตั้งและการดำเนินการหาข้อตกลงกันในประเด็นเหล่านี้เป็นจะกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของทั้งธุรกิจและครอบครัว ส่วนต้นเหตุของความขัดแย้งเหล่านี้คือการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัว เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนมีความสนใจ ความสามารถ การแสดงออก และมุมมองที่แตกต่างกัน
ขณะที่บางคนอาจเป็นผู้ถือหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจ (active shareholders) แต่บางคนอาจเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีส่วนในการบริหาร (passive shareholders) ซึ่งด้วยอำนาจในการบริหารจัดการธุรกิจทำให้ผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารมักจะเข้าใจความท้าทายทางธุรกิจ
ขณะสมาชิกในครอบครัวผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีส่วนในการบริหาร มักไม่มีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งความหลากหลายของบุคลิกภาพ บทบาท และความรู้เรื่องธุรกิจนี้เองทำให้เกิดความแตกต่างขึ้น การสื่อสารที่ผิดพลาดหลายครั้งทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างสมาชิกในครอบครัวและมีการติดต่อกับบุคคลที่สาม ซึ่งบ่อยครั้งที่บุคคลที่สามเหล่านี้กลับช่วยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟแห่งความขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก
วิธีแก้ปัญหา แม้ว่าธุรกิจครอบครัวจะเปราะบางต่อความขัดแย้ง แต่ก็ยังมีธุรกิจครอบครัวหลายรุ่นมากมายที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน มาดูกันว่าพวกเขามีแนวทางในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างไร
1. ยอมรับว่าสมาชิกในครอบครัวมีบุคลิกภาพ ความต้องการ แรงบันดาลใจ ความคิดเห็น และมุมมองชีวิตที่แตกต่างกัน รวมถึงส่งเสริมการสื่อสารที่เปิดกว้างและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนเพื่อครอบครัวและธุรกิจ
2. มีการสนทนาเชิงรุกเพื่อทำความเข้าใจว่าสมาชิกในครอบครัวต้องการการอยู่ร่วมกันหรือการแยกจากกันด้วยดี เพื่อรักษาอนาคตของลูกๆ และธุรกิจครอบครัวเอาไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของทุกคนและร่วมหาวิธีการตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ซึ่งครอบครัวสามารถทำได้เองหรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก
3. ในกรณีที่ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือ การนั่งพูดคุยถึงปัญหาและหาทางแก้ไขหากมีความจำเป็นให้ใช้ผู้ไกล่เกลี่ยที่เป็นมืออาชีพ โปรดจำไว้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีนั้นอาจมหาศาลและคดี
ดังกล่าวมักไม่มีที่สิ้นสุด
4. ดำเนินการทันเวลา ซึ่งหมายถึงการป้องกันหรือแก้ไขตามสถานการณ์ เวลามีความสำคัญมาก เนื่องจากในทุกขั้นตอนนั้นค่านิยมจะถูกสร้างขึ้นหรือถูกทำลายทั้งในธุรกิจและครอบครัว ดังนั้นธุรกิจครอบครัวจึงต้องสามารถระบุปัญหาที่มีอยู่หรือปัญหาในอนาคตที่จะต้องเผชิญและเริ่มจัดการกับปัญหาเหล่านั้นให้ทันเวลา
อย่างไรก็ตามความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในธุรกิจครอบครัว ซึ่งผู้ชนะคือผู้ที่สามารถระบุสัญญาณเตือนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จัดการกับปัญหาล่วงหน้า และทำในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายด้วยความจริงใจ
ที่มา: Senani, S. Apr 07, 2022. Preventing family wars: How to avoid conflicts in business families. Available:https://economictimes.indiatimes.com/news/company/corporate-trends/preventing-family-wars-how-to-avoid-conflicts-in-business-families/articleshow/90712805.cms
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,818 วันที่ 15 - 17 กันยายน พ.ศ. 2565