ธุรกิจครอบครัวมักมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากผู้เชี่ยวชาญหลายกลุ่ม และที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากคือในช่วงต้นปีค.ศ. 2016 เป็นงานของนักจิตวิทยา 2 ท่านคือ Dr. Dennis Jaffe และ James Grubman ที่ตีพิมพ์หนังสือชื่อ Cross Cultures: How Global Families Negotiate Change Across Generations
ซึ่งในหนังสือผู้เขียนได้แบ่งวัฒนธรรมธุรกิจที่แพร่หลายในธุรกิจครอบครัวทั่วโลกออกเป็น 3 รูปแบบ โดยธุรกิจครอบครัวแต่ละแห่งมีแนวโน้มที่จะมีวัฒนธรรม 1 ใน 3 รูปแบบนี้ การเข้าใจวัฒนธรรมครอบครัวของตนเองจะทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้ว่าตนเองต้องทำหน้าที่อย่างไรและธุรกิจนั้นจะมีรูปแบบการบริหารแบบไหน โดยวัฒนธรรมทั้ง 3 รูปแบบนั้นได้แก่
1) วัฒนธรรมปัจเจกชน (individualist culture) มุ่งเน้นความอิสระ สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของสมาชิกครอบครัวและแต่ละคนต้องมุ่งมั่นสร้างความสำเร็จด้วยตัวเอง ดังนั้นการเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครอบครัวจึงไม่ได้การันตีว่าในอนาคตจะได้บริหารบริษัทหรือแม้กระทั่งอยู่ในตำแหน่งระดับสูงเสมอไป มักพบได้ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และยุโรปเหนือ
2) วัฒนธรรมรักสามัคคี (harmony culture) มุ่งเน้นหน้าที่และความเคารพต่อครอบครัว รวมถึงชุมชนส่วนรวมด้วย ลูกๆที่เข้าสู่ธุรกิจต้องให้ความเคารพต่อประเพณีและธรรมเนียมปฎิบัติ แต่ยังได้รับอิสระในการบริหารงานของตนภายในบริษัทครอบครัวขนาดใหญ่ มักพบได้ในประเทศแถบเอเชีย อย่างประเทศญี่ปุ่น และจีน
3) วัฒนธรรมการให้เกียรติ (honor culture) มุ่งเน้นความจงรักภักดีและการเชื่อฟังต่อผู้นำคนเดียว มีแนวทางที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ลูกของผู้นำต้องทำงานในธุรกิจครอบครัวแต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เนื่องจากการตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมดนั้น ต้องรวมศูนย์อยู่ที่ผู้นำ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง มักพบในได้ในประเทศในลาตินอเมริกา แอฟริกา และยังพบในเกาหลีใต้ เช่น ธุรกิจกลุ่มแชโบล
ทั้งนี้เมื่อธุรกิจครอบครัวมีวัฒนธรรมรูปแบบใดแล้ว หากจะเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลานานและมีความยากลำบากพอสมควร และธุรกิจที่มีวัฒนธรรมแบบใดแบบหนึ่งก็มีแนวโน้มที่ไม่สามารถจะทำงานได้ดีกับธุรกิจที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน โดย Dr. Jaffe ได้ตั้งข้อสังเกตว่าธุรกิจที่มีวัฒนธรรมแบบปัจเจกชนซึ่งคนจะทำในสิ่งที่ตนต้องการ จะมีปัญหาในการทำงานกับธุรกิจที่มีวัฒนธรรมการให้เกียรติซึ่งคนจะทำตามผู้นำและมีความสงบปากสงบคำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม Dr. Jaffe และ Grubman กล่าวไว้ชัดเจนว่าไม่มีวัฒนธรรมใดเหนือกว่าวัฒนธรรมใดอย่างแท้จริง ทุกวัฒนธรรมล้วนใช้ได้ดีในแต่ละสภาพการณ์ สิ่งที่สำคัญสำหรับครอบครัวเจ้าของธุรกิจคือ การรับรู้ถึงวัฒนธรรมธุรกิจครอบครัวของตน มีการปลูกฝังให้ทายาทเข้าใจวิถีของครอบครัวและธุรกิจครอบครัว นอกจากนี้สมาชิกครอบครัวยังต้องเข้าใจวัฒนธรรมของธุรกิจครอบครัวอื่น ที่ต้องมีการติดต่อทำธุรกิจด้วย
ที่มา:
1. Meridian Capital. January 10, 2018. 3 Types of Family Business Culture. Available:https://meridianllc.com/news/3-types-of-family-business-culture/
2. Sullivan, P. March 3, 2017. The Three Different Flavors of Family Businesses. The New York Times. Available: https://www.nytimes.com/2017/03/03/your-money/the-three-different-flavors-of-family-businesses.html
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,858 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566