ที่มณฑลนครชัยศรีแต่ไรมาเขานับเปนเมืองรุ่งเรืองพระพุทธศาสนา ว่ากันแต่ยุคทวารวดี เปนเมืองที่มีพระมหาเจดีย์ใหญ่ที่สุดในโลกคือพระปฐมเจดีย์ตั้งประดิษฐานอยู่ ในทางประวัติศาสตร์ก็ได้ค้นพบหลักฐานวัตถุทางโบราณคดีฝ่ายพระพุทธศาสนามากมาย ไม่ว่าจะเปนหินสลักรูปธรรมจักรคู่กวางหมอบ (สัญลักษณ์ของการประกาศพระพุทธศานา-ธรรมจักรคือธรรมะที่หมุนเคลื่อนไป กวางคือตัวแทนของป่าอิสิปตนมฤคทายวันที่ประกาศพระรัตนตรัยครบองค์สามซึ่งมี มฤคะ_หรือกวาง อยู่ดาดดื่น) ไหนจะรูปศิลาหินสลักพระพุทธเจ้าทรงนั่งห้อยขายุคกรีกทำจำลองอริยาบทแบบคนจริงๆ (ซึ่งเมืองเหนือเราเรียกขนานกิริยาอาการนี้ว่า พระเจ้าหย่อนตีน) อีกเล่า
พระปฐมเจดีย์ทรงผลส้มโอคว่ำนี้ พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าของไทย มั่นพระทัยว่าเก่าแก่และศักดิสิทธิ์นัก พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ก่อนเสวยราชสมบัติ, ในเพศบรรพชิต, เสด็จจาริกมา พบสถูปเจดีย์โบราณ มีศิลปศาสนวัตถุดังได้กล่าวแวดล้อมมากมายสืบค้นและชำระทางโบราณคดีวิทยาได้เปนสัตย์ เมื่อเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้วมีพระบรมราชโองการให้สร้างเจดีย์ทรงโอคว่ำครอบพระสถูปเจดีย์เก่าแก่นั้นอีกทีหนึ่ง
ข้างในราชสำนักไทยยุครัตนโกสินทร์ถัดมา ก็ให้ความเคารพนับถือความพิเศษศักดิ์สิทธิ์ของพระปฐมเจดีย์นี้มาก ด้วยพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ_ หลานปู่ ของผู้ทรงสร้างครอบเจดีย์ ครั้งยังทรงเปนเจ้าชายรัชทายาทเสด็จมาประทับที่พระราชวังสนามจันทร์มณฑลนครชัยศรี กลางดึกคืนวันธรรมสวนะ ทอดพระเนตรชมแสงจันทร์อยู่นั้น พลันสายพระเนตรเหลือบไปเห็นวัตถุประหลาดมีขนาดเท่าผลส้มโอเรืองแสง ลอยอยู่ในอากาศ เคลื่อนที่เปนวงกลมเวียนประทักษิณ รอบพระมหาเจดีย์บริเวณปล้องไฉน ได้ 3 รอบ ครบ 3 รอบแล้วลอยหายไป
ในฐานะทรงเปนผู้ทันสมัย ทั้งวิชาการทหารการวิทยาศาสตร์ก็ได้ทรงศึกษาสำเร็จมาจากสหราชอาณาจักร ทรงใคร่พิสูจน์ว่าอาจเปนด้วยมีฟอสฟอรัสเคลือบคลุมอยู่บริเวณปล้องไฉนพระเจดีย์รุ่งขึ้นแล้ว จึงมีพระดำรัสตรัสสั่งให้นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งที่มารับราชการถวายอยู่ร่วมกับขุนนางไทยยศคุณพระไปทำการตรวจสอบปฏิกิริยาทางเคมี ที่ธาตุฟอสฟอรัสจะเรืองแสงขึ้นได้เหมือนพรายน้ำหน้าปัดนาฬิกาทหารยามค่ำคืนฉะนั้น ผลการตรวจสอบก็ไม่พบความตามที่ทรงสันนิษฐาน หนำซ้ำนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งยังตกพระเจดีย์ได้รับอุปัทวเหตุบาดเจ็บ
จึงมีพระราชหัตถเลขากราบบังคมทูลพระกรุณาถึงพระบรมชนกนาถ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทรงได้พบปรากฏการณ์ประหลาดในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น
พระบรมชนกนาถ ทรงทราบความในพระราชหัตถเลขาแล้ว ทรงพระอักษรตอบพระราชทานลงมายังพระรัชทายาทความว่า การที่ลูกไฟเรืองกระทำประทักษิณ (เวียนเทียนวนขวา) รอบปล้องไฉนองค์พระปฐมเจดีย์นั้น “พ่อก็เคยได้เห็นมาก่อน”
ดังนี้แล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เฉลิมพระนามพระที่นั่งองค์ที่ประทับทอดพระเนตรเห็นปรากฏการณ์ลูกไฟเรืองเวียนขวาบูชาพระปฐมเจดีย์ ว่า “พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย” แปลไทยได้ว่าพระที่นั่งซึ่งได้ทอดทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์
อนึ่งสมควรแทรกไว้ในที่นี้ว่า ธรรมเนียมอารยะอารยันแต่โบราณ ให้ความสำคัญกับทางขวา การหันขวาแก่ผู้ใดยื่นมือขวา หรือหันไหล่ขวาให้เปนการแสดงความเคารพแก่ผู้นั้น ดังนี้แล้วเวลาพระสงฆ์องคเจ้าครองจีวรลดไหล่เปิดไหล่จึงได้เปิดไหล่ขวาเปลือยออกยามเข้าที่ศาสน_เจติยสถานเปนการแสดงคารวะสูง
การกระทำประทักษิณ หมายความว่าแห่ทางซ้ายวนขวาเปนการเอาหัวไหล่ขวาชี้ไปทางเจติยสถานแล้วออกเดินวนรอบอย่างเวียนเทียนนั้นจึงเปนการแสดงความเคารพนบนอบอย่างมากต่อศาสนวัตถุศาสนสถานที่อยู่เบื้องขวาของตน
พระปฐมเจดีย์มหึมานี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอยู่ในเพศบรรพชิตและศึกษาวิทยาการศาสนาเปรียบเทียบตลอดมา มีพระบรมราชวินิจฉัยว่า เปนจุดที่พระพุทธศาสนาประดิษฐานลงเปนแห่งแรกในแดนสุวรรณภูมิ
ปี 2526
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ในรัชกาลที่ 9) มีพระราชดำริให้รวบรวมผลงานศิลปะระดับโลก อันราชสำนักไทย แต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้ทรงริเริ่มสั่ง_order ให้ศิลปินใหญ่ในราชสำนักรัสเซียจัดสร้างถวายออกแสดงให้สาธารณะชนได้ชื่นชมโดยทั่วกัน ในการณ์นี้นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดาท่านผู้รู้ทำหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งเรียกกันลำลองว่า “ศิลปะวัตถุ Faberge’ : ชุดของส่วนพระองค์”
บรรจุภาพถ่ายหลายมิติงามงดของวัตถุศิลป์ อันรังสรรค์ขึ้นโดยสำนักรังสรรค์แห่งฟาแบร์เฌ่ ณ กรุง เซนต์ปีเตอร์’สเบิร์ก สมัยจักรวรรดิรัสเซีย เริ่มต้นที่หีบพระโอสถมวน(บุหรี่) ซึ่งพระเจ้าซาร์สั่งให้ฟาแบร์เฌ่ประดิษฐ์ขึ้น และพระราชทาน/ถวายแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำจะหินแร่อัญมณีสีเหลืองสดประดับตราพระมหามงกุฏรัสเซียฝังเพชร ภายในสลักถ้อยคำแห่งมิตรภาพว่า
From your friend Nicolas 1891
(ต่อตอน 2)
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,779 วันที่ 1 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565