ทีนี้ก็จะกลับมาตรงที่ว่าความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและรัสเซียมีมานานตั้งแต่พระเจ้าซาร์ยังทรงเปนที่มกุฎราชกุมาร เสด็จมาเยือนสยามคราวรัชกาลพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และองค์พระเจ้าซาร์นี้เมื่อเสด็จขึ้นทรงราชย์ก็ทรงมีบทบาทอย่างสูงในการสร้างดุลย์อำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศในยุคสงครามล่าอาณานิคม ดังได้เล่าไว้บ้างแล้วในตอนจักรกลสวาท_รัสปูติน
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริส่งพระราชโอรสไปศึกษาวิทยาการสมัยใหม่ยังรัสเซียคือเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ พระเจ้าซาร์ก็ทรงรับด้วยความชื่นชมโสมนัส ตั้งไว้ในที่อย่างราชโอรสแห่งท่าน จัดให้ได้รับการฝึกวิชาทหาร_วิทยาการทันสมัยต่างๆ จนโปรดเกล้าให้ถวายงานอย่างราชองครักษ์ เปน ผบ.กรมทหารม้าฮุสซาร์ รักษาพระองค์
แม้ภายหลังเสด็จกลับมาเมืองไทยแล้วสายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าไทยและเจ้ารัสเซียก็ยังมิได้จืดจางลงไป เชื่อกันว่าเจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ นี้เองทรงเปนธุระสั่งจ้างให้สำนักฟาแบร์เฌ่ จัดสร้างงานศิลปวัตถุล้ำค่าเข้ามาถวายราชสำนักไทย ในระยะแรกๆ
ต่อมาหากค้นเอกสารแล้วก็แลดูว่ากรมพระสมมตอมรพันธุ์ฯผู้ทรงเปนราชเลขานุการในพระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ต่อเนื่องมาจนรัชกาลที่ 6 เปนผู้ดำเนินการธุระการประสานงานกับฟาแบร์เฌ่ในการจัดซื้อศิลปวัตถุต่างๆเข้ามาในราชอาณาจักรต่อมา
ต่อนี้ไปคงจะเปนการเล่าด้วยภาพ จากหนังสือที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รวบรวมไว้ดังกล่าว เพื่อท่านได้เสพนฤมิตรศิลป์อันสวยงามล้ำค่า เช่น บาตรน้ำ(เทพ)มนต์หยกเขียวเนไปรท์นี้ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๕.๐ ช.ม. สลักเครื่องหมาย Kokoshnik ๙๑, อักษรย่อ H. W. คือชื่อช่างผู้ทำ ที่หมุดรองฐาน
บาตรนี้กลึงจากก้อนหินเขียวเนไปร์ทขนาดใหญ่มีฐานทองคำรองรับเป็นรูปสัตว์พาหนะของเทพเจ้าทั้ง ๓ คือ โคนนทิ ของพระอิศวร หงส์ของพระพรหมและครุฑของพระนารายณ์ ประดับสังวาลย์ทับอกเพชรและพลอยเขียวขาวแดงหลากสี สันนิษฐานว่าสั่งเข้ามาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เปนฝีมือของ Henrik Wigstrom ช่างคนสำคัญในสำนักฟาแบร์เฌ่
อันเราท่านทั้งหลายจะได้พบสัตว์เทพพาหนะต่างๆนี้ในตราประทับต่างๆทางราชการโบราณบ้างไม่โบราณบ้างอยู่เนืองๆ เช่น ตราพระราชลัญจกรหงสพิมาน รูปหงส์ ประทับอยู่บนรัฐธรรมนูญ เปนต้น
ถัดมาผลงานของฟาแบร์เฌ่ เช่น ด้ามพระกลดปีกค้างคาว (ร่มฝรั่ง) รูปกระต่าย ขนาด ยาว ๓๑.๕ ช.ม. สลักจากหินเขี้ยวหนุมาน (Quarz) เป็นรูปกระต่าย ตาประดับทับทิม ข้อต่อเป็นทองคำสลักลายลงยาสีแดง
นอกนี้ยังมีพระแก้วมรกตองค์น้อยแกะจากหินหยกเขียว (Nephrite)ปางมารวิชัย สูง จากฐานถึงพระเกศ ๓๗.๕ ช.ม.มีเครื่องหมาย Faberge๑๙๑๔ สลักใต้ฐาน สันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ Faberge สร้างถวายในปี ค.ศ. ๑๙๑๔
อันฟาแบร์เฌ่นั้น ปกติแล้วก็เปนผู้ใฝ่ใจในงานศิลปะศาสนา มักออกแบบสร้างผลงานเชิงศาสนาอยู่แล้วเปนประจำ ตามรูปนี้เปนแผ่นพับทองคำลงยา เปิดมาเปนพระเยซูเจ้ากับเหล่านักบุญ พกติดตัวคนคริสต์ยามเดินทางกางออกสวดมนต์ได้สะดวก
หากถามถึงว่าเจดีย์หินหยกเขียวเข้มขลิบด้วยคอดหินแดงปล้องไฉนองค์ที่กล่าวถึงในตอนที่ 1 นั้น
รูปทรงอย่างไร? ก็คงไม่แคล้วจะได้คำตอบว่า ก็พระปฐมเจดีย์ในเงาอัญมณีแห่งฟาแบร์เฌ่น่ะซีพระคุณ
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,783 วันที่ 15 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565