ลูกชายบอกกับแม่ว่า "แม่ครับ ตอนที่อยู่กับพ่อบนรถเมล์เมื่อเช้านี้ พ่อบอกให้ผมสละที่นั่งให้ผู้หญิงครับแม่" แม่ยิ้มแป้นพูดกับลูกว่า "ก็ดีสิลูก ลูกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว" ลูกชายอธิบายขยายผลว่า "คืองี้นะครับแม่ ก่อนจะลุกขึ้น ผมนั่งอยู่บนตักพ่อนะครับแม่..." (ฮา)
วรรคท้ายสุดที่ลูกพูด เป็นทั้ง "สารตั้งต้น" และ "ศาลตั้งต้น" เหตุที่ลูกนินทาพ่อให้แม่รู้ทั้งๆ ที่ลูกก็มี "สารตั้งต้น" คือ "สติ" แต่ลูกก็ไม่ได้เอามาใช้ เพราะว่า "ทักษะในการฉุกคิด" หรือ "ความสามารถด้านสรรพวิทยา" ยังไม่มากพอเหมือน AI วันดีคืนดี ถ้า นายบ่อน นำเข้า AI ให้มารับหน้าเสื่อเป็นเจ้ามือ เป็นไปได้ว่า กินเรียบ (ฮา)
นึกว่ามีแต่รุนผมที่ไม่ชอบอ่าน "คำนำ" เด็กยุคใหม่ที่คิดง่ายๆ ว่า ครูไม่เอา "คำนำ" มาออกข้อสอบแล้วจะไปเสียเวลาอ่านทำไม เคยได้ยินเขาพูดกันไหมว่า "ใครมาเที่ยวเมืองสงขลา ถ้าไม่ไปลูบนมนางเงือกเพื่อจะขอพรที่แหลมสมิหรา ถือว่ายังมาไม่ถึงสงขลา" (ฮา) ในทำนองที่คล้ายคลึงกัน ผู้ใดที่ไม่เคยอ่าน "คำนำ" ถือว่าเข้าข่าย "ยังเข้าไม่ถึงจุดสยิวของหนังสือ" เช่นกัน (ฮา)
ไกด์เขาได้ทิปพิเศษก็เพราะว่าเขาพยายามเสาะหาโซนที่ที่น่าเที่ยว ว่ามันมี Unseen อยู่ในพื่นที่ไหน "คำนำ" คือ Unseen ที่เราเปิดผ่านไม่อ่านรากเหง้าของตำรา
ผมถึงได้ถามฝากไว้ในบรรทัดสุดท้าย ฉากที่ 7 ที่ผ่านว่า "เรียงความ" สอนอะไรให้เราเรียนรู้?
ยืมมุก สะ-หวัด-ดี-ท่าน-ผู้-ชม วันนี้ภูมิใจที่จะเสนอศัพท์แผลง คือ "เยาวะชล" คำว่า "เยา" หมายถึง "เบา" คำว่า "วะ" แปลว่า "คำที่เปล่งออกมา" คำว่า "ชล" คือ "น้ำ" ดังนั้น "เยา-วะ-ชล" ได้แก่ " เด็กที่เล่าเรื่องเบาๆ ปล่อยถ้อยคำพรั่งพรูดุจนำไหล" เมนท์แบบนี้สะท้อนให้รู้ชัดลึก ว่า เฒ่าอิจฉาเด็ก (ฮา)
เรียงความเรื่องนี้เป็นฝีมือเด็กโลกโซเชี่ยล กดไลค์กันเพลิดเพลิน หัวข้อของเรียงความเขาตั้งชื่อว่า "นะหิ สาธุ โกโธ แปลว่า ความโกรธไม่ดีเลย?"
ณ บัดนี้ จะได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทูธรรม สุภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น เป็นแนวทางแห่งการศึกษาต่อไป
(คลื่นแทรก) สงสัยจะเคยบวชเณรภาคฤดูร้อน สาธุ อิๆ...
อธิบายความว่า ความโกรธ คือ อารมณ์ที่ไม่ดี เช่น โกรธพี่ โกรธเพื่อน โกรธครู โกรธพ่อ โกรธแม่ โกรธยาย โกรธย่า โกรธอา โกรธน้า โกรธลุง โกรธปู่ โกรธป้า โกรธตา โกรธคนเมา โกรธตัวเอง โกรธแฟน โกรธกิ๊ก โกรธสัตว์ โกรธหัวหน้า โกรธโรงเรียน โกรธการเรัยน โกรธพนักงาน โกรธเสียงดัง โกรธเด็กแว้น โกรธแสงแดด โกรธความตาย
งงอะไรครับงงอะไร เด็กไม่โกรธรัฐบาลก็ดีเท่าไหร่แล้ว (ฮา)
เด็กยุคนี้แซงหน้าผมไปไกล ยอดไลค์สูง 20,0000 ยอดแชร์สูง 21,000 พี่สายคอมเมนต์แหย่เล่นกันตรึม อย่างเช่น "ถ้าโกรธไม่เยอะก็จะไม่ครบ 8-15 บรรทัด" (ฮา)
แถมด้วย "โกรธครบทั้งตระกูล ได้ 3 หน้าพอดี ผ่านนักธรรมได้" (ฮา)
ถึงแม้เขาจะไม่ได้อันดับ ท็อปเท็น แต่ลูกฮึดเจิดจ้าสามารถคว้า ท็อปเทส ตรงที่เขาพยายามทำดัวเป็น "เยาวะชลตัวเขียวล่ำบึ้ก" โกรธตะพึดจนครูชักจะเริ่มระแวง (ฮา) จัดว่าสอบผ่าน "จุดที่น่าชื่นชม"
นี่ถ้าพ่อติวลูกไว้บ้างว่า "การฆ่าที่เราไม่บาป มีเพียงกรณีเดียว คือ ฆ่าความโกรธ" ลูกจะมีราศรีนักปราชญ์โผล่ขึ้นในเรียงความนี้ทันที สำหรับ "ปมที่ต้องพัฒนา" คือ เขาไม่ได้ "แปล" หรือ "ตีความ" หัวข้อให้มันลึกซึ้งกว่านี้
"นะหิ สาธุโกโธ แปลว่า ความโกรธไม่ดีเลย" เป็น "พลุนำทาง" ยังไม่ใช่ฝีมือการ แปล หรือ ตีความ ของเขา เขา ต้องชี้ "คำสำคัญ" ซึ่งเป็น "ขุมทรัพย์ปัญญา" อาทิ "โกรธ" แปลว่า "ขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจอย่างรุนแรง" คำที่แบไต๋เพิ่มขึ้นจะเปิดช่องทางให้เราคิดต่อได้ว่า ใครทำให้ใครขุ่น
น้ำขุ้นใช้สารส้มแกว่ง แล้วใจขุ่นจะเอาอะไรแกว่ง?
เรียงความตามสไตล์ ฝรั่งมันสะแด่วแห้วเลยนิ ม.ชิคาโก้ ตั้งชื่อหัวข้อเรียงความว่า "Find X" แปลว่า "จงเสาะหา X " นักศึกษา หลายคนตั้งท่าจะหาคลิป X พอดีครูเหล่อยู่ก็ต้องรีบเบรค (ฮา)
นักศึกษาก็เขียนสบายๆว่า ม.ชิคาโก้ เป็นหนึ่งในหมู่สถาบันที่ดังในการตั้งชื่อเรียงความที่สุดแสนจะประหลาด หัวข้อที่ให้มาก็เป็นบทพิสูจน์ว่าครูผู้ดำริล้ำลึกปานใด ดูแล้วยังกับโจทย์คณิตศาสตร์กำพร้า เพราะไม่มีสมการตั้งต้นไว้ให้บ้างเลย (ฮา)
จุดประสงค์ของโจทย์นี้ คงจะหวังให้คิดสร้างสรรค์กันเต็มที่ X อาจจะเป็นรหัสลายแทงขุมสมบัติ ยอมรับว่าตั้งชื่อได้เฉียบ
● เขาเขียนยาวกว่านี้ แต่ดูแล้ววกวนยังไม่มีทีเด็ดเอามาปล่อย แสดงว่า ต้นทุนผู้เขียนไม่มี บิ๊กมุก ในสต็อค
ถ้าเขาเล่าว่า รากศัพท์ X มาจาก อักษรฟินิเชี่ยน ซึ่งเริ่มด้วยคำว่า Samekh ที่แปลว่า "ปลา" ต่อมา กรีกนำไปประยุกต์ทั้งคำและเสียง สุดท้ายก็กลายเป็นอักษร X หมายถึง เลข 10
เราน่าจะเรียกว่าเบื้องหลังของ X ก็คือ "ปลา 10 ริ้ว" แน่เลย (ฮา)
● แปะไว้เป็นอนุสติว่า ใครที่ เขียนเรียงความไม่เป็น ตีความ คือ แปล ไม่ถูก ก็จะเป็นลูกพี่สอนงานไม่เก่ง
"รีบเรียนรู้เรื่องเรียง" ให้ไวนะท่านนะ