ครอบครัว 6.O ฉากที่ 5

07 มิ.ย. 2567 | 23:30 น.

ครอบครัว 6.O ฉากที่ 5 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย…ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3999

น.ส.มโนทิพย์ เธอยังเป็นโสด เพื่อนฝูงพูดถึงครอบครัวทีไร ฝูงเพี่อนก็จะมีภาระนั่งฟังเธอเล่าให้เอาไปลือกันเป็นประจำว่า “หนูเกิด ธ.ค. ตำราโหรชี้ว่าคนเกิดเดือนนี้เป็น นักผจญภัย หนุ่มเคยจีบหนู หนูเคยจีบหนุ่ม จีบไปจีบมาไม่มีใครกล้ามาสู่ขอ เขากลัวว่าเป็นแฟนหนูดูมีแววว่าจะมีภัยมาผจญกันเอง (ฮา) 

หนุ่มเดือน พ.ย. ลึกลับ มาจีบ หนูไม่เล่นด้วย คนเกิดเดือนนี้มีนิสัยลึกลับ เท่าที่เคยจีบดู ตกดึกเขาหลับลึกด้วยอ่ะ (ฮา) ต.ค. รักง่ายหน่ายเร็ว หนูก็ไม่เอา ก.ย. ผีเข้าผีออก หนูขี้เกียจจัดเครื่องเซ่น (ฮา) 

 

ส.ค. อีโก้สูง หนูก็ไม่แคร์ตระกูลหนูก็มีระดับ ก.ค. ขี้หึง ขี้ แปลว่า กาก หึง แปลว่า นาน กินอยู่กับกากกันไปนานๆ สงสัยจะไม่ไหว (ฮา) มิ.ย. อัจฉริยะ หนูชอบกูรูนะ เสียตรงที่ดีแต่สอนแต่ทำไม่เป็น (ฮา) พ.ค. เศรษฐี เจ้าสัวเคยนัดมาหาหนูถึงที่บ้าน เขากำลังจะถอยรถเข้ามาจอด น้องมันขึงเชือกขอค่าผ่านด่าน ตะแกขับรถซิ่งวิ่งหายแว้บเข้ากลีบเมฆ (ฮา) 

เม.ย. ไฮเปอร์ คบกันสามเดือน เจอหนุ่มขยันจนหนูขี้เกียจไปเลย (ฮา) มี.ค. ใจพระ เดทกันเพียงครึ่งเดือนชวนหนูสวดมนต์ทุกวัน คืนส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ หนูจะสวดมนต์ทันไหมอ่ะ (ฮา) 

ก.พ. ช่างเลือก หนูอำลาหนุ่มรายนี้ เพราะหนูสมัครเป็น ส.ว. แล้วมันไม่เลือกหนู (ฮา) อย่าด่าหนูนะ หนูอยากจะได้คนเกิด ม.ค. เซ็กส์จัด อุตส่าห์นัดกันดิบดี เขามาไม่ถึงบ้านหนู มัวแวะแจกอสุจิทุกหมู่บ้าน เขาจึงหมดแรงสิ้นใจตายกลางทาง” (ฮา)

ครอบครัวญี่ปุ่นใช้หลัก “ปิตาธิปไตย!” เป็นที่ตั้ง ลูกชายคนโตจะเป็นผู้สืบทอดทรัพย์สินในครัวเรือน และรับผิดชอบในการดูแลพ่อแม่ คนโตเองก็หวังว่าจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่เช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าสมัยนั้น มีการฆ่าฟันแก่งแย่งชิงดีตามวิถีซามูไร 

พ่อ ออกไปสู้รบปรบมือ แม่ ยืนถือตะหลิวอยู่ในครัว จะว่ากันไปก็เหมาะแล้ว เพราะว่าสมัยนั้นยังไม่มีประกันชีวิต (ฮา) ครอบครัวไทยสมัยไหนๆ ดูเหมือนจะนิยมใช้หลัก “มาตาธิปไตย!” เช่นกัน คาดว่า มารดา เหล่านั้น คงจะทอดกฐินกันทุกปีจึงมีวาสนาเป็น ผจก. ธนา + “คาน!” (ฮา)

แอนดรูว์ บอนด์ ผู้มีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลกับ เว็บไซต์ GoAbroad (ไปตะลุยต่างประเทศ) เขาคือ นักเขียนแนวท่องเที่ยวอยู่ใน จ.เชียงใหม่ มานาน จึงกล้าที่จะนำเสนอเกี่ยวกับ คุณลักษณะของคนไทยที่ควรรู้ เพื่อให้ฝรั่งหูตาสว่าง ก่อนจะหางาน English as a Second Language (ESL) คือ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง เขาให้ความเห็นเป็นชิ้นเป็นอันถึงความสำคัญของไลฟ์สไตล์ไทยแลนด์ว่า…

“รอยยิ้มหลอกลวง!” คือ ยิ้มตะพึดจนแยกไม่ออกว่า กรณีนี้มาในอารมณ์ไหน

“อดทน” ผมชมเพิ่มว่า “อึดทน” เพราะว่าคนไทยรอแล้วรออีก จนทำใจได้ว่ารอไม่รอก็เท่ากัน (ฮา)  

“สนุก หรรษา ฮาเฮ” น้ำหลากท่วมอำเภอ หมูในเล้าลอยลิ่วตามน้ำ เจ้าของนั่งขำอยู่บนหลังคา (ฮา)

“ข่มใจให้เย็น” ใครสติแตกในที่สาธารณะ เมาแล้วลืมรูดซิปกางเกง แสนจะเสียของเป็นที่สุด (ฮา)

“ให้ความเคารพกันเป็นนิจ” อย่างเช่น พระอริยสงฆ์ พระราชา สำหรับ ครู จะได้รับความเคารพเป็นพิเศษ ผู้ที่คนไทยไม่เคารพ คือ “เจ้าแม่เงินกู!” เพราะว่าเจ้าแม่คิดง่ายๆ ว่า “เงินกูให้มึงยืมแต่กูก็ถือว่าเป็นเงินกู ดอกเบี้ยก็ดอกของกู กูอยู่ได้เพราะกู แกไม่คิดจะเคารพลูกค้า ถ้าไม่มีลูกค้ามากู้ จะเก็บดอกกับใคร (ฮา)

“ไหว้ตะพึด” ไทยถือกันว่า มารยาท คือ หัวใจในการให้ความเคารพและความสุภาพ เราไหว้กันจริงๆ ตั้งแต่องค์พระพุทธสุดเพดานฟ้าจนถึงสะดือโลก (ฮา) อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ผมว่าผมก็เท่แล้วนะที่ไหว้ขอโทษหมาแม่ลูกอ่อน หลังจากคนขับรถผมถอยไปทับหางแม่หมาลูกอ่อน 

เจอคลิปล่าสุดผมหยุดโม้จังงัง ตำรวจยกมือไหว้ควายแล้วคุยขอร้องว่า “ช่วยขยับไปนอนสุดทางตรงโน้นเถอะนะ นอนตรงนี้รถเขาวิ่งผ่านไม่ได้!” ปรากฏว่า ท่านควาย ทั้งสองท่านขยับไปนอนปลายทางตามคำขอ ผมดูแล้วสบายใจขึ้นเยอะ เพราะว่า ผมสวัสดีท่านจิ้งจกในบ้านยังกะ ส.ส. ไหว้ หัวคะแนน เลยนิ (ฮา)

“ไม่เป็นไร!” คำพูดนี้ชี้ให้รู้ว่า ฉันยกโทษให้คุณ คุณก็ยกโทษให้ฉัน ใช่ป่ะ ขอแค่ ขอโทษ ขอบคุณ สวัสดี “หนังสด!” คือ “แสดงออก ณ บัดนั้น” ไม่ใช่หนังในคลิป เรียกใหม่ดีกว่า “หนังกะทันหัน!” (ฮา)

ปัญหามันจะพลิกฉับพลันกลายเป็นหนังคนละม้วนในทันที

“ประณีตถี่ถ้วนทุกจำนวนที่นำเสนอ” แต่งเล็บเท้าละเอียดดูดี ชุดสมาร์ท ตกแต่งพื้นที่สวยงามโดนใจ ฝีมือการเขียนบนบอร์ดแต่ละคำอ่านง่ายด้วยลายมือมนุษย์

“นับถือศาสนาพุทธด้วยชุดความคิดที่หลากหลาย” ทำบุญปลุกใจ ไหว้พระพุทธเจ้า ถอยรถต้องเอามาขอพรจากพระสงฆ์ งงตรงที่ทำบุญเสร็จแล้วระเห็จไปติดสินบน เข้าข่ายไม่เลือกที่รักมักที่ชัง (ฮา)

“หัวและเท้าไม่ใช่ของเล่น!” อย่าถือวิสาสะไปสัมผัสศีรษะใคร และ อย่าชี้อะไรตามใจด้วยปลายเท้า รองเท้าต้องไว้ที่ ประตูบ้าน และ ประตูห้องเรียน กรณีนี้เห็นทีครูควรจะละเว้นการใส่รองเท้าเดินเข้าห้องเรียน แบบว่า…แบบว่า ตา “วิเผือก” เห็นนะ (ฮา)

“จริยธรรมทางธุรกิจ” มันค่อนข้างเหลว กฎหมายก็เป็นการจัดการทางการเงินที่ยืดหยุ่น

เมื่อแม่ถามลูกว่า “ลูกสัญญาว่าจะมีวินัยในการเรียนใช่ป่ะ” ลูกก็ตอบว่า “ใช่ครับ” แม่ก็ถามต่อว่า “แม่ก็สัญญาว่าจะทำโทษ เมื่อลูกหนีเรียนใช่ป๊ะ” ลูกพูดเล่นลิ้นว่า “คือว่า ถ้าผมไม่ได้รักษาสัญญา แม่ก็ไม่จำเป็นจะต้องรักษาสัญญาบ้างก็ได้ ครอบครัวจะได้สมดุลนะแม่?”

ครอบครัว 6.0 จะมีโฉมหน้าแบบไหน มันก็แล้วแต่เราจะเอาคติย่อหน้าใดไปใช้เป็นเสาเข็ม