ครอบครัวคือสถานที่พักพิงใจ เป็นแหล่งของความรัก การสนับสนุน และกำลังใจที่สามารถพึ่งพาได้เสมอ แรงจูงใจจากครอบครัวถือเป็นพลังที่ทรงอิทธิพล ช่วยให้ก้าวไปสู่เป้าหมายและความฝัน พร้อมสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการพัฒนาตนเองและประสบความสำเร็จได้
คนเรานั้นเมื่อมีครอบครัวที่แบ่งปันความฝันและเป้าหมายร่วมกัน จะสามารถรักษาแรงจูงใจและผ่านพ้นอุปสรรคได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อความสำเร็จในอาชีพ การเติบโตในชีวิตส่วนตัว หรือการสร้างชีวิตที่มีความหมายและพึงพอใจมากขึ้น
แรงจูงใจจากครอบครัว (Family motivation) หมายถึงแรงขับและความมุ่งมั่นของสมาชิกในครอบครัวในการกำหนดและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยแรงจูงใจจากครอบครัวไม่เพียงส่งผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในด้านการทำงานอีกด้วย พนักงานที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมักทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความพึงพอใจในงาน และมีโอกาสก้าวหน้ามากขึ้น
เมื่อครอบครัวให้กำลังใจและสนับสนุนกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การทำงานเป็นทีมและบรรยากาศในที่ทำงานดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงกับครอบครัวยังช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการทำงาน โดยสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ครอบครัวที่มีแรงจูงใจร่วมกันช่วยให้จัดการงานได้ดีขึ้น ดูแลสุขภาพ และให้ความสำคัญกับคนที่รักมากขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะกับทุกครอบครัวในการสร้างแรงจูงใจ ส่วนใหญ่จะใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายและค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของตนเอง เนื่องจากทุกครอบครัวต้องเผชิญกับความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเงิน สุขภาพ หรือความสัมพันธ์ เป็นต้น
ดังนั้นการรักษาแรงจูงใจและทำงานร่วมกันเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อปัญหาเกิดขึ้นควรเปิดใจสื่อสาร มองหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ระบุจุดแข็งของสมาชิกแต่ละคนและหาวิธีที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมได้ การฉลองความสำเร็จเล็กๆน้อยๆจะช่วยรักษาแรงจูงใจและความเป็นทีม
การเอาชนะอุปสรรคในฐานะครอบครัวจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และสร้างความยืดหยุ่น ด้วยความไว้วางใจและการร่วมมือกัน สิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ยากลำบากคือความรักและความมุ่งมั่นต่อกัน เมื่อร่วมมือกันแล้วครอบครัวมีพลังที่จะเอาชนะทุกสิ่ง โดยงานวิจัยด้านจิตวิทยาแรงจูงใจแนะนำว่าพ่อแม่สามารถส่งเสริมให้ลูกสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองได้ ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
ประการแรก การปลูกฝังแรงจูงใจภายใน ซึ่งเกิดจากความรู้สึกถึงความหมายในชีวิต เป้าหมาย และความเป็นอิสระ ในขณะที่ แรงจูงใจภายนอก ขึ้นอยู่กับรางวัลและการยอมรับจากภายนอก ซึ่งครอบครัวที่เน้นแรงจูงใจภายในจะช่วยสร้างความสำเร็จและความพึงพอใจในระยะยาว
ประการที่สอง การส่งเสริมความเป็นอิสระ เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแรงจูงใจภายนอกเป็นแรงจูงใจภายใน เมื่อลูกๆ มีโอกาสเลือกเป้าหมายที่มีความหมาย แรงจูงใจจากภายในจะเกิดขึ้นเองแทนการพึ่งพารางวัล ทั้งนี้ควรเริ่มต้นตั้งแต่ยังเด็ก โดยการให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและอธิบายเหตุผลในการวางกฎเกณฑ์หรือข้อจำกัดต่างๆเพื่อควบคุมพฤติกรรมหรือการกระทำของลูก เช่น การตั้งกฎว่าควรนอนกี่โมง หรือต้องทำการบ้านก่อนเล่นเกม เป็นต้น
ประการที่สาม การสร้างแรงบันดาลใจด้วยเป้าหมายที่มีความหมาย โดยให้ลูกค้นหาเป้าหมายที่ตรงกับคุณค่าและความสนใจของตัวเอง เช่น การรักษาความสะอาดห้องจะช่วยให้หาของเล่นได้ง่าย หรือการนอนให้เพียงพอเพื่อจะได้มีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น การอธิบายให้เห็นว่าหน้าที่ต่างๆ มีความสำคัญ จะช่วยให้ลูกทำสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยตัวเองมากขึ้น
ประการที่สี่ ชมเชยความก้าวหน้ามากกว่าการมุ่งหวังความสมบูรณ์แบบ โดยการชื่นชมความพยายามและพัฒนาการมากกว่าผลลัพธ์ สุดท้ายจะช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจภายในได้ ซึ่งแทนที่จะชื่นชมอย่างกว้างๆ ควรเน้นไปที่รายละเอียดของความก้าวหน้าและความพยายาม ให้ลูกมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเติบโต
ประการสุดท้าย การปลูกฝังแรงจูงใจที่ยั่งยืน การให้อิสระในการตัดสินใจ เชื่อมโยงงานกับเป้าหมายที่มีความหมาย และการชื่นชมความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ลูกพัฒนาความมุ่งมั่นที่เกิดจากภายใน ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จและความสุขในระยะยาว
ที่มา: Menzi Borres. February 14, 2024. The Psychology of Family Motivation. Available: https://www.motivationpay.com/family-motivation/ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.famz.co.th