สองวันก่อน ผมได้พบผู้สูงวัยท่านหนึ่งที่มีอาการเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ท่านมีอาการที่ค่อนข้างจะหนักเอาการ เพราะได้เจาะลำคอใส่หลอดลมช่วยหายใจเรียบร้อย นั่นหมายความว่า โอกาสที่จะหายขาดจากโรคนี้คงจะยากแล้วละ จะหายได้ก็มีทางเดียวเท่านั้น คือหายไปจากโลกนี้เท่านั้นแหละครับ
โรคถุงลมโป่งพองหรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่าโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease : POCD) ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า จะเกิดกับคนที่สูบบุหรี่จัดเท่านั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ทั้งหมด เพียงแต่บทวิจัยที่มีคนไปทำการวิจัย มักจะเอาความสัมพันธ์หรือสาเหตุของผู้ที่เป็นโรคนี้ มาจากสาเหตุการสูบบุหรี่เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องพูดว่า ถูกต้องแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังมีหลากหลายสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดปัญหานี้ได้
เช่นการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่อากาศเป็นพิษ หรือการสูดดมกลิ่นของเสียนานวัน จนทำให้เกิดอาการถุงลมโป่งพองได้ ยังมีการเกิดจากสูบดมเอาควันบุหรี่ที่บุคคลใกล้ชิดเข้าไปมากๆ หรือแม้แต่เรื่องของกรรมพันธุ์ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน แม้ประเภทกรรมพันธุ์จะมีโอกาสน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีครับ ดังนั้นสาเหตุหลักๆ อาจจะเกิดจากการสูบบบุหรี่จัดอย่างที่กล่าวมานั่นแหละครับ
โรคนี้ผมเองก็คุ้นเคยมาก่อน เพราะพ่อบุญธรรมผมที่ไต้หวัน ท่านก็มีอาการเช่นนี้เช่นกัน ในช่วงที่ผมอยู่ไต้หวัน ได้มีหัวหน้าอาจารย์ผู้ปกครองของโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ท่านเอ็นดูผมมาก เพราะผมเป็นเด็กต่างชาติหรือที่เรียกว่า “เด็กนักเรียนจีนโพ้นทะเล” ซึ่งในโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั้นมีไม่มาก อีกทั้งผมสนิทสนมกับลูกชายของท่าน ที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกันกับผม และผมจึงได้ไปเที่ยวบ้านท่านหลายครั้ง ท่านคงเห็นผมเป็นคนที่มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ ท่านจึงขอรับผมเป็นบุตรบุญธรรม ในช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ท่านได้เลิกสูบบุหรี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่อาการของท่านคือ ท่านมักจะพูดเสียงอันดังมาก ด้วยการเค้นเสียงพูดอยู่เสมอ บางครั้งก็จะฟังดูคล้ายๆตะโกนใส่คน จนทำให้เด็กนักเรียนกลัวท่านมาก จนทำใหญ่เด็กๆ ตั้งฉายาท่านว่า “ฉี(นามสกุลท่าน)ปืนใหญ่” เสียงมาก่อนตัวเสมอ
อีกอาการหนึ่งของท่านคือ อาการไอแห้งๆตลอดเวลาที่ตื่น ไม่เคยมีเวลาไหนว่างเว้นจากอาการไอแห้งๆ เลย แต่ท่านจะไม่มีเสมหะนะครับ ห้องนอนท่านจะอยู่ติดกับห้องนอนผม เวลาท่านหลับผมก็จะได้ยินเสียงกรนผสมกับอาการไอตลอด ซึ่งหลังจากที่ผมกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ไม่นาน ท่านก็จากไปด้วยอาการถุงลมโป่งพองนี่แหละครับ เพียงแต่ตอนที่ก่อนจะจากไปด้วยโรคถุงลมโป่งพองหรือปอดอุดกั้นเรื้อรัง ท่านยังดีที่ไม่ได้มีการเจาะคอครับ
โรคถุงลมโป่งพองหรือปอดอุดกั้นเรื้อรัง ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงวัยที่มีภูมิคุ้มกันด้อยกว่าคนวัยหนุ่ม-สาว ซึ่งเกิดอาการอักเสบของปอดเป็นระยะเวลานาน จนทำให้การหายใจไม่สะดวก มีอาการไอเรื้อรัง บางรายก็ไอแห้งๆ บางรายก็มีเสมหะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าหลังตื่นนอน บางรายอาจจะมีอาการหอบเหนื่อย ในเวลาทำกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะเวลาที่ออกแรงมากๆ จนทำให้หายใจได้ลำบาก แน่นหน้าอก และมีเสียงหวีดได้ในลำคอ
บางรายก็เกิดการติดเชื้อที่ปอดได้บ่อยๆ หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น อาจจะถึงขั้นไอเป็นเลือด ปากและเล็บเป็นสีม่วง น้ำหนักลด แขน ขา หรือข้อเท้าบวม หากมีอาการดังที่กล่าวมาเหล่านี้ ไม่ต้องรีรอเลยครับ ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลได้เลย ก่อนที่จะสายเกินไปครับ
ผมเคยอ่านเจอในบทวิจัยหลายๆบท ที่มีการทำวิจัยเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักวิจัยชาวไทย ก็มักจะนำเอาอาการดังกล่าว มาผูกกับสาเหตุที่สูบบุหรี่จัดเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นการ “ใช้ชีวิต(ปอด)ที่สิ้นเปลือง” แต่ถ้าเป็นบทวิจัยของชาวต่างประเทศ ค่อนข้างจะมีการผูกติดกับสาเหตุอื่นๆเยอะมาก สามารถหาอ่านได้เยอะแยะมาก อ่านจนตาแฉะไปเลยครับ
ที่น่าสนใจสำหรับผม ผมจะหาอ่านดูว่าจะมีโรคแทรกซ้อนอะไรบ้าง ที่ทำให้เกิดอาการหนักจนกระทั่งต้องถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งก็มีหลายโรคที่ตามมาครับ เช่น โรคมะเร็งปอด เพราะโรคถุงลมโป่งพองหรือปอดอุดกั้นเรื้อรังนี้ ฟังชื่อก็พอเดาได้ว่า เกิดอาการเรื้อรังจนทำให้เนื้อเยื่อปอด หลอดลมที่อยู่ในและนอกปอดเกิดการอุดกั้น จนทำให้การทำงานของปอดเสียหาย แน่นอนว่าเมื่อร่างกายอ่อนแอ ที่มีการสังเกตได้จากอาการเหนื่อยหอบง่าย มะเร็งเส็งเค็งก็เลยถือโอกาสลามปามเลยคราวนี้ครับ
ยังมีโรคหัวใจ ที่เกิดจากอาการต่อเนื่องของโรคนี้ เพราะการหายใจลำบากนั่นเอง ยังมีโรคซึมเศร้า โรคเนื้อเยื่อปอดอักเสบ โรคกระดูกพรุน ที่เกิดจากการให้ยารักษาโรคถุงลมโป่งพองนี้ ก็เป็นอาการแทรกซ้อนขึ้นได้ครับ ส่วนทำอย่างไรที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ละ? คงต้องบอกว่า ถ้าใครชอบสูบบุหรี่จัดก็ลดๆลงบ้างก็จะดี หรือพยายามหลีกเลี่ยงมลภาวะที่เป็นพิษเข้าไว้ นั่นคือการป้องกันละครับ
บางคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่สูบบุหรี่จัด อาจจะเถียงว่า อ้าว...งั้นทำไมท่านเติ้งเสี่ยวผิง หรือผู้นำจีนบางท่าน สูบบุหรี่จัดมาก ทำไมไม่เห็นเขาเป็นโรคถุงลมโป่งพองเลย ผมก็ต้องบอกว่า ก็แล้วแต่บุญนำกรรมแต่งละครับ เชิญท่านตามสบายเลยครับ ผมไม่มีอะไรจะเถียงท่านแน่นอน รอให้ท่านไปเถียงกับคุณหมอก็แล้วกันนะครับ..ข้าพเจ้ามิมีความสามารถตอบท่านได้ครับ