คนชรากับนิ่วในถุงน้ำดี

21 ก.ย. 2567 | 03:10 น.

คนชรากับนิ่วในถุงน้ำดี คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อหลายวันก่อน มีเพื่อนนักเรียนสมัยเด็กๆท่านหนึ่งได้มาเยือนผม ผมมองดูสภาพร่างกายของเขา เห็นว่าเขาผอมลงกว่าเดิมเยอะมาก จึงได้สอบถามว่าร่างกายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เขาบอกว่าเขามีนิ่วในถุงน้ำดี จึงได้ไปผ่าตัดมาทำให้ผอมลงไปเกือบห้ากิโลกรัม ผมจึงบอกว่า เป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนที่อายุมากขึ้น โรคภัยต่างๆย่อมเข้ามาสู่ตัวเรามากขึ้น เขาก็ยิ้มแล้วบอกว่า “ก็ดีเหมือนกันที่ได้ไปจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย ก่อนหน้านี้ก็พยายามลดความอ้วนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลด ก็เป็นโอกาสดีที่ได้ลดน้ำหนักกันคราวนี้”

ผมได้สอบถามต่อว่า ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีแล้วสบายตัวมั้ย เขาก็บอกว่า ช่วงที่ผ่าตัดก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ เพราะแพทย์ท่านเก่งมาก เจาะแค่ไม่กี่รูเท่านั้นเอง หลังจากผ่าตัดเสร็จ ก็เจ็บนิดๆอยู่ไม่กี่วัน ตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้ว เป็นปกติเกือบหมดแล้วครับ ซึ่งก็คล้ายๆกับภรรยาผม เขาก็เคยผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อหลายปีก่อนที่โรงพยาบาลรามา ก็มีลักษณะคล้ายๆกันเลยครับ

อันที่จริงโรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) เป็นภาวะที่พบได้ในระบบทางเดินอาหาร โดยเกิดจากการสะสมของสารบางชนิดในถุงน้ำดี จนเกิดเป็นก้อนนิ่วที่มีขนาดและจำนวนต่าง ๆ กัน โรคนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่มีไขมันสูง หรือผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี เช่น พันธุกรรม การตั้งครรภ์ และการใช้ยาบางชนิด  สำหรับอวัยวะของมนุษย์เราทุกชิ้นส่วน ต่างก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งหมด ส่วนถุงน้ำดีก็เช่นกัน เพราะมีหน้าที่สำคัญในการเก็บสะสมน้ำดีที่สร้างจากตับ น้ำดีจะถูกใช้ในการย่อยไขมัน เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เมื่อมีความไม่สมดุลในการทำงานของถุงน้ำดี อาจเกิดการสะสมของสารบางชนิด เช่น คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน(Bilirubin) (บิลิรบิน มีหน้าที่ขจัดของเสียในร่างกาย ที่เกิดจากการย่อยสลายเซลส์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุขัย) ซึ่งทำให้เกิดก้อนนิ่วในถุงน้ำดีได้

ก้อนนิ่วในถุงน้ำดีสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆคือ นิ่วคอเลสเตอรอล ที่เกิดจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่มีมากเกินไปในน้ำดี ก้อนนิ่วชนิดนี้เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด อีกประเภทหนึ่งคือ นิ่วพิกเมนต์ (Pigment Gallstones) ที่เกิดจากการสะสมของบิลิรูบิน ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการสลายของเม็ดเลือดแดง นิ่วพิกเมนต์มักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะโรคตับ โรคเลือด หรือมีการอักเสบในทางเดินน้ำดี

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดี อาจไม่มีอาการแสดงในระยะแรก ๆ จนกว่านิ่วจะเคลื่อนที่ไปอุดตันท่อทางเดินน้ำดี ซึ่งจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่นอาการปวดท้องรุนแรง บริเวณด้านขวาบนของท้อง อาการปวดอาจลามไปยังหลังหรือหัวไหล่ อาการปวดจะมีลักษณะเป็นระยะ ๆ และมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือบางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน เนื่องจากถุงน้ำดีทำงานผิดปกติและไม่สามารถย่อยไขมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บางคนก็มีอาการไข้และหนาวสั่น หากนิ่วทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อในถุงน้ำดี หรืออาการตัวเหลืองตาเหลือง หากนิ่วไปอุดตันท่อน้ำดีจนทำให้น้ำดีไหลกลับเข้าสู่กระแสเลือดเป็นต้น

ปัจจัยที่สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี สำหรับผู้สูงวัยที่เป็นเพศสตรี  จะมีโอกาสเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าผู้สูงวัยเพศชาย  เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงขึ้นทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มนุษย์ทุกคนที่มีอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดีมากขึ้นได้เช่นกัน เพราะเนื่องจากระบบทางเดินน้ำดีเสื่อมสภาพ อีกปัจจัยหนึ่ง คือโรคอ้วน เพราะจะมีไขมันส่วนเกิน ที่สามารถเพิ่มคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีได้ หรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลมากขึ้น ก็สามารถทำให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วยเช่นกันครับ

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น เราในฐานะผู้ได้รับสิทธิพิเศษ(ผู้สูงวัย)ทั้งหลาย ก็ควรจะต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายหรือวินิจฉัยว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีหรือไม่? แพทย์สามารถตรวจได้โดยใช้หลายวิธี เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุดในการตรวจหานิ่วในถุงน้ำดี เนื่องจากสามารถแสดงภาพของถุงน้ำดีและนิ่วได้อย่างชัดเจน อีกวิธีหนึ่งคือการสแกนด้วยเครื่อง CT Scan เพื่อช่วยให้เห็นภาพที่ละเอียดและสามารถตรวจหาภาวะแทรกซ้อนได้ หรือการตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบภาวะติดเชื้อหรือความผิดปกติของตับที่อาจเกิดจากการอุดตันของนิ่วในถุงน้ำดีได้ไม่ยากครับ

สำหรับการป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี ส่วนใหญ่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่นหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่นผัก ผลไม้ หรือธัญพืชเป็นต้น อีกทั้งต้องมีการควบคุมน้ำหนักตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นเรื่องที่คนอ้วนทั้งหลายทำได้ยากที่สุด ลูกชายผมเองก็เป็นตัวอย่างที่ใกล้ตัวผมที่สุดเลยครับ บอกให้ลดน้ำหนักพูดจนปากฉีกถึงหู เขาก็ลดไม่ลงเสียทีครับ.......แฮ่