“กากแคดเมียม” ใครควรจะรู้เห็น?!

17 เม.ย. 2567 | 04:44 น.
อัปเดตล่าสุด :17 เม.ย. 2567 | 05:03 น.

“กากแคดเมียม” ใครควรจะรู้เห็น?! ... คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** ความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล และ อิหร่าน คงจะไม่จบลงไปเพียงแค่การที่ทั้งโดรนและขีปนาวุธ ที่อิหร่านส่งไปโจมตีอิสราเอลกว่า 350 ลูก แต่ก็ถูกสกัดเอาไว้ได้กว่า 99% เพราะแม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะไม่มาก แต่ความเชื่อมั่นในความเป็นมหาอำนาจของตนมันจะค้ำคอ จนอิสราเอลจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกู้หน้าและกู้ศักดิ์ศรีของตนเองคืนแน่นอน ส่วนจะลงมือเมื่อไหร่ก็จะต้องตามดูกันต่อไป แต่ตอนนี้มีหุ้นของไทยหลายกลุ่มที่ทั้งได้และเสียประโยชน์ ซึ่งเจ๊เมาธ์จะเล่าให้ฟัง

กลุ่มที่จะได้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ก็คือ หุ้นพลังงานต้นน้ำอย่างตระกลู ป. ไม่ว่าจะเป็น PTT PTTEP PTTGC TOP IRPC และเนื่องจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง มักจะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ PTTEP จะเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ทางตรงมากที่สุด ขณะที่หุ้นน้ำมันและโรงกลั่นตัวอื่นไม่ว่าจะเป็น BCP SPRC ก็อาจได้รับบวกตามไปด้วย 


ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็น BGRIM BPP EGCO GPSC GULF RATCH SCG น่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่อาจจะสูงมากขึ้น ก็จะทำให้ผลกำไรปรับลดลงไปตามส่วน 
ขณะที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวทั้ง AOT ERW CENTEL SHR และ MINT ก็จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งจากตะวันออกกลาง และ ยุโรป อาจจะชะลอการเดินทาง 
เช่นกันกับหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลใหญ่อย่าง BH และ BDMS ซึ่งมีลูกค้าชาวตะวันออกกลางเป็นกลุ่มหลัก ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น เงินสด ทองคำ หรือ สินทรัพย์อื่นๆ ที่เหมาะสม ก็จะทำให้ผลกระทบของสงคราม ที่เรายังไม่รู้ว่าจะยาวนาน หรือ จะขยายตัวไปได้แค่ไหนลดน้อยลง เอาเป็นว่าส่วนตัวของเจ๊เมาธ์เอง ก็จะอัพเดทความเคลื่อนไหว และวิเคราะห์เพื่อแบ่งปันข้อมูลให้แฟนๆ ของเจ๊ไปตลอดอยู่แล้ว จังหวะนี้ก็ควรต้องให้กำลังใจกันค่ะ

*** ชัดเจนแล้วว่า “กากแคดเมียม” ซึ่งถูกขายและกระจายไปสู่โรงถลุงและซุกอยู่ในโกดังหลายแห่งในประเทศ เป็นสารอันตรายที่หากสะสมอยู่ในร่างกายในปริมาณมาก ๆ จะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา ซึ่ง “กากแคดเมียม” เหล่านี้ถูกพบว่าส่วนใหญ่ หรือ แทบทั้งหมด ถูกลักลอบ “ขุด” มาจากแหล่งฝังกลบเดิมที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ซึ่งแต่เดิมได้ถูกฝังกลบแบบปิดตายตามหลักปฏิบัติและถูกต้องตามกฎเกณฑ์ 

หลังจากที่ “ผาแดงอินดัสทรี” ที่เคยทำเหมืองแร่สังกะสี และมีโรงประกอบโลหกรรมจากเหมืองที่แม่สอด จ.ตาก มีปริมาณลดลง จึงปิดกิจการเหมืองแร่สังกะสี หันไปทำธุรกิจด้านพลังงานทดแทน และอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบัน “ผาแดงอินดัสทรี” เปลี่ยนชื่อเป็น “บมจ. เบาด์ แอนด์ บียอนด์” หรือ BEYOND เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจที่เปลี่ยนไป 

และเมื่อกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่มาแรงมาก จนทำให้วัตุดิบที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ปรับราคาสูงขึ้น กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาของ “กากแคดเมียม” ที่ถูกฝังกลบอยู่ใต้พื้นดินในจังหวัดตากกว่า 14,000 ตัน จึงถูกมองว่าเป็น “ขุมทรัพย์” ใต้ดิน จนในที่สุดก็ถูกขุดขึ้นมานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การที่ “กากแคดเมียม” ซึ่งถูกฝังกลบแบบปิดตายนั้น จะถูกขุดขึ้นมาขายได้อีกครั้ง นั่นเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับไฟเขียวจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานราชการ ที่ดูแลรวมไปถึงผู้มีอำนาจในบริษัทเจ้าของพื้นที่ อย่าง BEYOND ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่รู้ ไม่เห็น 

ผลประโยชน์ค้ากากแคดเมียมตกอยู่ที่ใคร คนดัง ตระกูลใหญ่ สวย หล่อรวย แค่ไหน หน่วยงานที่รับผิดชอบ ก็ต้องไปสืบหาข้อมูลต่อกันเองแล้วเจ้าค่ะ

*** กลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้จากกรณี บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ หรือ NCL มีมติอนุมัติการเกษียณอายุก่อนกำหนด และอนุมัติการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ “กิตติ พัวถาวรสกุล” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้บริหารระดับสูงจำนวน 38.55 ล้านบาท โดยที่เงินจำนวนนี้ถูกจ่ายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566 โดยที่ NCL ไม่ได้เปิดเผยข้อมูล และเสนอวาระต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการทำรายการดังกล่าว 

ปัญหาอย่างแรก คือ การที่ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติ เนื่องจากขาดความสมเหตุสมผล โดยอ้างอิงจากข้อกำหนดเรื่องเงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เห็นว่า ค่าชดเชยที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 19.56 ล้านบาทเท่านั้น

ปัญหาที่สองก็คือ ในช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า NCL ยังเป็นบริษัทที่มีการขาดทุนสะสมอยู่กว่า 240 ล้านบาท ในที่ขณะช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีเพียงในปี 2561 เพียงปีเดียวเท่านั้นที่ NCL ได้จ่ายเงินปันผลในจำนวน 0.0067 บาทต่อหุ้น ซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมองว่า การจ่ายเงินชดเชยให้แก่ “กิตติ” ดูจะมากเกินไป

เมื่อเรื่องแดงขึ้นจนกลายเป็นปัญหา ทำให้ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจะมีมติให้เสนอวาระต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น NCL เพื่อพิจารณาอนุมัติให้สัตยาบันต่อการเข้าทำรายการในวันที่ 19 เมษายน 2567 ที่กำลังจะถึงนี้ เพื่อทำให้ทุกอย่างกลับมาถูกต้อง ส่วนที่ว่าจะถูกต้องและเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นหรือไม่...แค่ไหน ทาง ก.ล.ต. ก็แนะนำให้ไปโหวตไปใช้สิทธิกันเอาเองเจ้าค่ะ