*** ปัญหาความขัดแย้งและการเอาคืนกันของอิสราเอล และอิหร่าน นอกจากจะทำให้ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้หุ้นพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP ซึ่งเป็นการปรับราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นตามก็คือ ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
และหากเงินเฟ้อสูงขึ้นจนคุมให้อยู่ในกรอบที่ต้องการไม่ได้ โดยเฉพาะเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกา ก็จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจที่จะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะเป็นผลทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารใหญ่อย่าง SCB KBANK BBL และ KTB ราคาหุ้นชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงต้นปี มีโอกาสที่จะได้อานิสงส์ในทางบวกอีกรอบ หลังจากที่แรงกดดันเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันหุ้นในกลุ่มลีสซิ่งทั้งใหญ่และเล็ก ไม่ว่าจะเป็น MTC SAWAD TIDLOR SAK JMT CHAYO ASK HENG หรือหุ้นที่ดำเนินธุรกิจด้วยการกู้เงินมาปล่อยต่อ เพื่อกินส่วนต่างดอกเบี้ย ก็อาจจะได้รับผลกระทบในทางลบ หากเฟดชะลอลดดอกเบี้ยขึ้นมาจริง
ดังนั้น เรื่องทิศทางของดอกเบี้ย จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนจะมองข้ามไม่ได้ แม้ว่าทั้ง ธปท. และ กนง. จะพยายามชี้แจงมาตลอดว่า การปรับขึ้น หรือ ลงดอกเบี้ยนโยบายของไทย ไม่ได้เดินตามหรือผูกพันอยู่กับเฟด แต่ก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจการเงินผูกติดกับเรื่องทิศทางของดอกเบี้ยอยู่ดี และการปรับดอกเบี้ยขึ้นหรือลงของเฟด ก็ยังคงเป็นเงามืดที่ยังกดทับหุ้นที่เกี่ยวของกับธุรกิจการเงินของไทยมาตลอดเวลาอยู่ดี
*** ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าตลาดได้ไม่กี่วันอย่าง QTCG จะกลายเป็นหุ้น IPO ที่ราคาหุ้นปรับร่วงลงชนิดที่เรียกว่า ต่ำแล้วยังมีต่ำกว่า ต่ำกว่าก็ยังมีต่ำลงไปอีก เพราะการปรับราคาลงมาอยู่ 0.81 บาท/หุ้น จากราคาจองซื้อ 1.20 บาท/หุ้น หมายความว่า ราคาหุ้นของ QTCG ปรับลงมาถึง 33%
ขณะเดียวกัน ก็หมายความว่าราคาสูงสุด 2.28 บาท ที่ทำได้ในเวลา 5 นาทีแรกของการซื้อขายหุ้นในวันแรก ก่อนที่ราคาจะปรับร่วงลงมาตลอดนั้น ได้ทำให้นักลงทุนที่หลวมตัวเข้าซื้อ และยังไม่ได้ออกมีอันที่จะต้องติดดอยสูงอยู่ถึง -75% ในขณะที่หากจะกลับไปคืนทุนที่เดิมก็หมายความว่าราคาหุ้นของ QTCG จะต้องถูกดันขึ้นไปอีกราว 250% โน้นเลยทีเดียว
ขณะที่มีข่าวแจ้งว่า “เสี่ย ย.” แห่งค่ายเลขสองตัว ...ก็เป็นหนึ่งในบุคคล ที่อาจจะเจ็บตัวอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ต้องขายหุ้นต่ำกว่าราคาจองในวันที่ 2 ภายหลังการเข้าตลาดของ QTCG (ขายวันที่ 5 เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม หากมองในอีกมุม ถ้าหาก เสี่ย ย. ได้หุ้น IPO ของ QTCG มาในราคาต่ำ เป็นรางวัล เพราะเป็นหนึ่งใน “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ที่ช่วยผลักดันเกมหลังบ้านให้กับ QTCG อย่างเต็มที่ เสี่ย ย. ก็อาจจะไม่เจ็บตัวสักเท่าไหร่ก็เป็นได้ ของแบบนี้มันไม่แน่...ใครจะไปรู้ อิอิอิ
*** ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย CB และ CS บนหลักทรัพย์ของ JKN (บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป) เพิ่มเติมจากเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ซึ่งหมายความว่า ตลาดหลักทรัพย์กำลังรอคำชี้แจง หรือ รายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัท
ขณะที่เครื่องหมายใหม่อย่าง CB (Caution - Business) เป็นสัญญาณเตือนว่า บริษัทเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะการเงิน หรือ ผลการดำเนินงาน ขณะที่เครื่องหมาย CS (Caution - Financial Statements) เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลในงบการเงินของบริษัทโดยละเอียด
หากจะสรุปง่ายๆ ก็คือ ในตอนนี้ JKN อยู่ในภาวะที่ถูกจับจ้องจากตลาดหลักทรัพย์อยู่ในทุกก้าวย่างของบริษัทนั่นเอง
และสิ่งที่ JKN และเจ้าหนี้ทั้งหลายกำลังรอคอยอยู่ ก็คือ การที่ศาลล้มละลายกลางมีกำหนดนัดอ่านคำสั่ง 23 เม.ย. ว่าจะยกคำร้องในเรื่องที่ JKN ร้องขอเข้าสู่ฟื้นฟูกิจการ หรือ จะมีคำสั่งอนุญาตให้ JKN เดินหน้าเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการนั่นเอง
อีกไม่กี่วันเราก็จะได้รู้กันแล้วว่า ทิศทางในอนาคตของ JKN และ ราคาหุ้นของ JKN จะก้าวไปในทางใด และทั้งหมดนี้ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ที่จะถึงนี้เอง
โปรดอย่ารอคอย...แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน เจ้าค่ะ
*** หลังจากที่เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น ราคาหุ้นของ SABUY ปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุด ที่ราคาต่ำกว่า 2 บาท/หุ้น กลับขึ้นมายืนอยู่ที่ราคา 2.50-3.00 บาท/หุ้นได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของจ้าวใหม่ในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้หมายความว่า ราคาหุ้นของ SABUY จะสามารถพลิกกลับไปยืนอยู่ในจุดราคาหุ้นเดิม ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องของการ Forced Sell ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของธุรกิจ ที่จะต้องดูกันต่อไปอีกว่า ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่จะเอาจริงแค่ไหน ส่วนอีกเรื่องก็เป็นเรื่องของราคาหุ้นที่จ้าวใหม่ จำเป็นที่จะต้องดึงความเชื่อมั่นของ SABUY กลับมาให้ได้ และหากมีข้อมูลใหม่อื่นใด เจ๊เมาธ์ก็ไม่พลาดที่จะเอามาเล่าให้แฟนๆ ของเจ๊ได้รับรู้กันอยู่แล้วเจ้าค่ะ