*** หากใครคิดว่าการได้ตัว “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” กลับมาจะเป็นการปิดแฟ้มปิดคดีฉ้อโกง STARK ลงไปเรียบร้อย อาจเป็นการด่วนสรุปเร็วเกินไป เนื่องจากการรวบรวมตัวผู้ถูกกล่าวหาได้ทั้งหมด ถือว่าเป็นเพียงจุดแรกของกระบวนการยุติธรรม ที่เริ่มจากการตั้งข้อกล่าวหา (กล่าวโทษ) การสืบทรัพย์ การอายัดทรัพย์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงขั้นตอนในการรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะส่งฟ้องศาล จนเมื่อศาลสูงสุดตัดสินคดีความ ...นั่นจึงจะถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุดอย่างแท้จริง
ดังนั้น เพียงการได้ตัว “ชนินทร์” กลับมาดำเนินคดี มีการตีข่าวใหญ่โต ดูจะเป็นการด่วนสรุปเกินไป ทั้งที่ในความเป็นจริงขั้นตอนทางกฎหมาย คดีโกง STARK น่าจะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
อย่างแรก การที่ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรมกรณีของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยแต่งตั้งให้ “พิชัย นิลทองคำ” อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย เป็นประธานคณะทำงาน ทั้งที่ศาลยังไม่มีคำตัดสิน ดูแล้วอาจเป็นการเร่งร้อนเกินเหตุ หรือเผลอๆ อาจจะเป็นการล้ำหน้าไปซะด้วยซ้ำ
คราวนี้เรามาดูกันว่า “พิชัย นิลทองคำ” อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย บุคคลคนนี้คือใคร...???
พิชัย นิลทองคำ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นอดีตอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาได้เข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาในศาลชั้นต้น
ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา และดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษ ก่อนลาออกจากราชการ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561
นอกจากงานในด้านยุติธรรม นายพิชัย ยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่มีธุรกิจแตกต่างกันมากถึง 8 บริษัท ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่อีกหนึ่งคน
แต่ที่น่าสนใจมากกว่า คือ หนึ่งในบริษัทที่ นายพิชัย เป็นผู้ถือหุ้น อย่าง บริษัท เมย์พลัส ไมนิ่ง แอนด์ เคมิคอล จำกัด เป็นบริษัทที่ นายพิชัย ถือหุ้นร่วมกับ “วสันต์ จาวลา” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น MORE ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ และ ถูก ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินจำนวน 159.74 ล้านบาท
พิชัย จะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จึงเป็นความคาดหวังที่สูงพอสมควร
อย่างที่สอง ต้องเข้าใจก่อนว่า ถึงแม้ "ชนินทร์ เย็นสุดใจ" จะเป็นผู้บริหารสูงสุดของ STARK แต่การเป็นผู้บริหาร ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะสั่งอะไรก็ได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง
อย่าได้ลืมไปว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวจริงของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK คือ “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ “เจ้าสัวประจักษ์” หรือ “ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ” เจ้าของและผู้ก่อตั้ง “ทีโอเอ กรุ๊ป โฮลดิ้ง” บริษัทสีและวัสดุก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย
ก่อน STARK จะมีปัญหาเรื่องคดีฉ้อโกง มีหลายคนเห็น “เจ้าสัวประจักษ์” เป็นหนึ่งในบุคคลที่เคยเดินเข้าออกในออฟฟิตของ STARK อยู่เป็นประจำ
แน่นอนแม้ความผิดเกิดกับผู้กระทำ หรือ มีส่วนร่วมกระทำโดยตรงที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ความคิดในแง่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ก็ห้ามมิให้คนคิดเลยเถิดไม่ได้
เอาเป็นว่าข่าวการเงียบหายและไม่ถูกพูดถึงของ “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ” ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวจริงของ STARK และยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทายาทสายตรงของทีโอเอเป็นเรื่องที่น่าสงสัย
การตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรม ก็ยังเป็นอะไรที่วิบๆวับๆ
เจ๊เมาธ์ก็ได้แต่หวังว่า คดีอภิมหาโกงของ STARK จะไม่กลายเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ในท้ายที่สุด เพราะยังมีคำถามและข้อสงสัย จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงนักลงทุนที่เสียหาย ชื่อเสียงของประเทศรวมไปถึงเงินที่หายไปด้วยนะคะ หวังว่าจะไม่หายไปหมดทั้งคน และเงินเจ้าค่ะ