*** หลังจากหลักทรัพย์ JKN ของ “จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ถูกห้ามซื้อขายมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 67 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินไตรมาส 1/67 ถึงตอนนี้บริษัทยังไม่สามารถส่งงบการเงินดังกล่าวได้ เป็นเหตุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเปิดซื้อขายหลักทรัพย์ JKN เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. ถึง 15 ก.ย. 67 ประมาณว่าหวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของนักลงทุนที่ยังติดดอยว่างั้น…
ประเด็น คือ การเปิดให้ซื้อขายชั่วคราวที่ว่านี้ จะช่วยนักลงทุนได้จริงหรือไม่...
อย่างแรก...หากมองกลับไปที่ข้อมูลเก่าๆ พบว่า แทบจะไม่มีหุ้นตัวใดเลย ที่เปิดให้ซื้อขายชั่วคราว แล้วราคาหุ้นยังยืนราคาอยู่ได้ และแทบไม่มีหุ้นตัวใด ที่สามารถปิดราคาได้สูงกว่าราคาสุดท้ายก่อนเปิดให้ซื้อขายชั่วคราว
อย่างที่สอง... การที่หุ้นของ JKN ถูกกำหนดให้การซื้อขายในวันแรก (16 สิงหาคม 2567) มีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Celling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าของราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย ในขณะที่นักลงทุน ต่างก็รู้ว่านี่เป็นการกลับมาซื้อขายเพียงชั่วคราวเพียงหนึ่งเดือน ดังนั้น โอกาสที่นักลงทุนที่ออกของไม่ได้จะเทขายออกมาไม่ยั้ง เพื่อให้ได้เงินกลับคืนมามากที่สุด อาจถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะลงไปแตะจุดต่ำสุดใหม่ได้เช่นกัน
อย่างที่สาม...หากใครคิดว่าหุ้นอย่าง JKN จะมีจ้าวรายใหม่เข้ามาดูแล หรือ พยายามพยุงราคาหุ้น เรื่องนี้เจ๊เมาธ์ก็บอกเลยว่า ให้ทำใจ ถึงตอนนี้...ทั้งจ้าวทั้งหลายต่างก็รวยกันไปแล้วทุกคน และถ้าหากจะกลับมาก็น่าจะยังไม่ใช่ในตอนนี้ เอาไว้รอให้กลับมามีอนาคตในจังหวะที่ได้ราคาต้นทุนมีต่ำที่สุด นั่นถึงจะเป็นโอกาสที่เหมาะสม แต่จะเป็นเมื่อไหร่ก็ยังไม่มีใครรู้
สุดท้าย... เป็นเรื่องของโอกาสในการกลับมาซื้อขายได้อีกครั้งในอนาคต ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อ JKN สามารถทำได้ครบตามข้อกำหนดของตลาดฯ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านกระบวนการฟื้นฟูธุรกิจ การทำกำไรรวมไปถึงส่งงบการเงินได้จริง ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนเช่นกัน
เจ๊เมาธ์มองว่า JKN คงจะไม่ต่างไปจากหุ้นที่เคยเดินผ่านเส้นทางเดียวกันตัวอื่น นั่นก็คือ การถูกเทขาย และเล่นรอบจนราคาหุ้นแทบจะไม่เหลือราคาเลย ..เจ๊ก็เคยบอกก่อนที่ JKN จะถูกห้ามซื้อขายมานานแล้วว่าหุ้นแบบนี้อย่าได้เข้าไปยุ่ง
จากนี้ไปก็ตัวใครตัวมัน หากจะรอไปจนกว่า JKN จะกลับมาในอนาคตน่าจะต้องรออีกนาน ไปจนถึงนานมากก็แล้วกันค่ะ
*** คงต้องตามดู SABUY หลังจากที่บอร์ดของ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ได้ยกเลิกการเข้าลงทุนจำนวนไม่เกิน 700 ล้านหุ้น โดยอ้างความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ การยกเลิกการลงทุนที่ว่าก็ทำให้ AJA ต้องยกเลิกการขายหุ้นกู้ของบริษัทตามไปด้วย
การที่ AJA มีผู้บริหารของ MGI เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ความพยายามที่จะเข้าไปช่วย SABUY ผ่านมาทาง AJA คล้ายกับมีเงาของ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” อยู่ด้วย
เนื่องจากก่อนหน้านี้ MGI ของ “ณวัฒน์” เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าไปลงทุนใน SABUY จำนวนรวม 30 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 4.5 บาท คิดเป็นจำนวนเงินถึง 135 ล้านบาท
ดังนั้นการช่วย SABUY ของทาง AJA จึงดูเหมือนเป็นการช่วย MGI ไปด้วย แต่หลังจากที่ AJA หยุด...จากนี้ไปคงต้องมารอดูกันว่า SABUY เดินไปได้ในทิศทางใด
*** ว่ากันว่าการเข้ามาของกองทุนใหญ่อย่าง “กองทุนวายุภักษ์” อาจช่วยส่งเสริมให้ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสก้าวข้ามความตกต่ำอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันได้ และอาจมีอิทธิพลในทางบวกต่อ SET
โดยอ้างอิงกรณีศึกษาในช่วงปี 2555-2556 ที่เคยประเมินผลบวกเม็ดเงินใหม่ (อิงกรณี LTF) ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลาซึ่งวงจรเศรษฐกิจมีความใกล้เคียงกับปัจจุบัน ยังสามารถหนุนดัชนี SET ได้ถึง 20-25 จุด
โดยหุ้นที่นักวิเคราะห์มองว่า มีพื้นฐานระยะสั้น และระยะกลางที่น่าสนใจประกอบไปด้วย PTT, SCB, BCP, KTB, AOT, ADVANC, MINT และ SCGP
อย่างไรก็ตาม...เจ๊เมาธ์ยังมองว่า จังหวะนี้ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยภายในที่กดดัน แต่ยังต้องดูไปถึงปัจจัยภายนอก ซึ่งมีทั้งสงครามที่เป็นความขัดแย้งในทางตรง รวมไปจนถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมาในรูปแบบของสงครามทางเศรฐกิจตามมาอีกด้วย
ก็ต้องรอดูมนต์ขลัง นกวายุภักดิ์ บินมาสร้างความตึงตังเกรียวกราวให้ตลาดทุนได้หรือไม่ …เวลานี้ บางทีการถือเงินนิ่งๆ อาจเป็นการลงทุนทางเวลาไตร่ตรอง คิดตัดสินใจเลือกที่ดี มีค่าในอนาคตก็ได้