NUSA สนิมเกิดแต่เนื้อในตน!!!

24 ก.ย. 2567 | 23:00 น.

NUSA สนิมเกิดแต่เนื้อในตน!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** หลังจากมีข่าวจุดพลุจุดประเด็นเกิดขึ้นมานาน ในที่สุดก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นว่า บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA ภายใต้การบริหารงานของ เสี่ยณุ-เจ๊หมวย หรือ “วิษณุ เทพเจริญ” และ “ศิริญา เทพเจริญ” คู่สามีภรรยา รวมไปถึง กรรมการบริษัท อย่าง “สมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์” และ “นนทวัชร์ ธนสุวิวัฒน์” มีแนวโน้มว่าได้มีการทำธุรกรรมทางการเงินแบบผิดปกติ   

ล่าสุด ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร บริษัท ณุศาศิริ ต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในความผิดร้ายแรงหลายข้อหา และส่งเรื่องให้ ปปง. สอบสวนตามมูลฐานความผิดฟอกเงิน ร่วมกันกระทำการลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุด ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินจนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย 

ประมาณว่า NUSA ได้ตกลงซื้อโรงแรมที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งทาง NUSA ได้จ่ายเงินมัดจำราว 640 ล้านบาท โดยเงินมัดจำที่ว่าได้ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนบุคคลในนามของ เสี่ยณุ-เจ๊หมวย และพวก จนท้ายที่สุดเมื่อติดข้อจำกัดทางเทคนิค ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าซื้อโรงแรมที่ว่านี้ได้ ทางบอร์ดของ NUSA ก็ได้ออกมติให้ทางโรงแรมสามารถคืนเงินมัดจำภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งไม่ต่างไปจากการที่ทางโรงแรม (ผู้รับเงินมัดจำ) สามารถยืมเงินบริษัทแบบไม่มีดอกเบี้ย...เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ได้รับเงิน 

ขณะที่การขายห้องชุดของ NUSA ในกรุงเทพฯ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน ก็มีลักษณะที่ไม่แตกต่างกันกับการซื้อโรงแรมมากนัก 

นอกจากนี้ ในชั้นการทำคำชี้แจงต่อ ก.ล.ต. ในกรณีข้างต้น กรรมการและผู้บริหารของ NUSA ในขณะนั้นทั้ง 4 ราย ได้นำส่งพยานหลักฐานเอกสารและข้อมูลอัน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ไม่ให้ ก.ล.ต. ทราบมูลค่าที่แท้จริงตามบัญชีของโรงแรมดังกล่าว อีกทั้งยังพบว่า ได้ทำการตกแต่งให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว 

โบราณท่านว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” เรื่องแบบนี้ถ้าคนภายในไม่ทำ...ก็ไม่มีใครทำได้อีกแล้วนะคะ ที่เสียหายส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนข้างในที่ทำพังกันทั้งนั้น   

อย่างไรก็ตาม การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอน ในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ  

ดังนั้น การที่จะระบุว่า เสี่ยณุ-เจ๊หมวย และพวก เป็นผู้กระทำความผิด จึงอาจจะยังเร็วเกินไป เจ๊เมาธ์เชื่อว่าอีกไม่นานเมื่อสิ้นสุดกระบวณการยุติธรรม และเมื่อความจริงปรากฏ ใครทำผิดก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางยุติธรรมอย่างแน่นอน