‘ย้ำคิดย้ำทำ’ เป็นโรคจิตเวชจริงหรือ

29 ม.ค. 2567 | 21:48 น.

อาการ ‘ย้ำคิดย้ำทำ’ เป็นโรคจิตเวชจริงหรือ : Tricks for Life

การทำอะไรซ้ำๆ เช่น ล้างมือซ้ำๆ ตรวจสอบประตูซ้ำๆ คิดหมกมุ่นที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “โรคย้ำคิดย้ำทำ” ซึ่งแม้ว่าโรคนี้หรืออาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงถึงชีวิต แต่ก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

“โรคย้ำคิดย้ำทำ” (Obsessive Compulsive Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่สามารถพบได้ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก โดยพบได้ประมาณ 1.2% ของประชากร ซึ่งผู้ป่วยจะมีความกังวลหรือความสงสัย ไม่มั่นใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และพยายามแก้ไขความกังวล ความสงสัยนั้น ด้วยการทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำไปซ้ำมา

โรคย้ำคิดย้ำทำมี 2 องค์ประกอบ ได้แก่

1. อาการย้ำคิด (Obsession) คือ มีความคิดหมกมุ่นที่ควบคุมไม่ได้ เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่สามารถหยุดคิดได้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้ว่าความคิดนั้นจะไม่สมเหตุสมผล ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกินจริง เช่น กลัวเชื้อโรค, หมกหมุ่นกับความเป็นระเบียบ, กลัวสิ่งไม่ดีจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นต้น

2. อาการย้ำทำ (Compulsion) คือ การทำพฤติกรรมต่าง ๆ หรือ การคิดในทางตรงข้าม เพื่อพยายามลดความวิตกกังวลจากการย้ำคิด เช่น ล้างมือซ้ำๆ, ตรวจสอบประตูซ้ำๆ, ตรวจสอบปลั๊กไฟ หรือ เตาอบซ้ำๆ

อาการย้ำคิด-ย้ำทำ อาจพบร่วมกับความผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น ขยิบตาบ่อยๆ ยักไหล่ กระตุกศีรษะหรือไหล่ หรือส่งเสียงผิดปกติ เช่น กระแอม คำราม หรือ พูดคำหยาบโดยควบคุมไม่ได้

‘ย้ำคิดย้ำทำ’ เป็นโรคจิตเวชจริงหรือ

ปัจจัยเสี่ยงของโรคย้ำคิดย้ำทำ

  •  มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
  • อายุ อาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ มักเริ่มเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
  • พันธุกรรม ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นโรคนี้จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยยิ่งถ้าญาติสายตรงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่เด็ก หรือ วัยรุ่น ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
  • สิ่งแวดล้อม เช่น หากได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจในวัยเด็ก ก็อาจเป็นปัจจัยส่งผลให้เกิดอาการย้ำคิดย้ำทำได้
  • ช่วงตั้งครรภ์ และระยะหลังคลอด จะพบอุบัติการณ์ของโรคย้ำคิดย้ำทำได้มากขึ้น โดยอาการมักเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของลูก หรือการวิตกกังวลว่าตัวเองจะดูแลลูกไม่ดีพอ

สำหรับการรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การใช้ยา ร่วมกับ การทำจิตบำบัด โดยยากลุ่มหลักที่ใช้ในการรักษาโรคนี้คือ Serotonin selective reuptake inhibitors (SSRIs) ซึ่งจะช่วยปรับระดับของสารสื่อประสาท Serotonin ในสมองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนการจิตบำบัดนั้น จะเน้นไปที่การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy หรือ CBT) ผ่านเทคนิค Exposure and Response Prevention (ERP) โดยมีจุดมุ่งหมายคือการพยายามให้ผู้ป่วยหลุดพ้นวงจรย้ำคิด-ย้ำทำ ผ่านการพยายามยับยั้งการทำพฤติกรรมย้ำทำ เมื่อได้รับการกระตุ้น ซึ่งความร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วย และทีมการรักษา เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการรักษา